วันพุธ, กันยายน 17, 2557

กลุ่มอำนาจเก่ารอล้ม‘ประยุทธ์’


September 15, 2014
คอลัมน์ : ฟังจากปาก
ผู้เขียน : กิตติพิชญ์ ยิ่งวรการสุข
โลกวันนี้

“สิงห์ทอง บัวชุม” คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย มองว่าการที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำการปฏิวัติแล้วตั้งตนเองเป็นนายกรัฐมนตรี ทำให้กลุ่มอำนาจเก่าที่หมายมั่นปั้นมือให้คนของตัวเองต้องฝันสลาย สิ่งนี้จะเป็นต้นเหตุให้เกิดการต่อต้านรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ แล้วจะเกิดความวุ่นวายและตามมาด้วยการปฏิวัติอีกครั้ง

มองการเมืองไทยหลังรัฐประหารอย่างไร

สถานการณ์ทางการเมืองหลังจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยึดอำนาจจนถึงปัจจุบัน พบว่าประเด็นปัญหาวันนี้คือ จะทำอย่างไรให้พี่น้องประชาชนมีความปรองดองสมานฉันท์ นั่นคือโจทย์ใหญ่ แต่ปัญหาก็คือว่า คณะที่ยึดอำนาจจำเป็นที่จะต้องสร้างความยุติธรรม คืนความเป็นธรรมให้กับทุกสี เพื่อนำไปสู่ความปรองดองตามโรดแม็พที่วางไว้

อย่างไรก็ตาม ประเด็นสำคัญที่สุดคือความขัดแย้งของกลุ่ม ของพรรค ซึ่งเขาบอกว่าต้องสลายขั้ว สลายสี จำเป็นต้องมีการปฏิรูปประเทศไทย ประเด็นคือ ปัญหาทุกอย่างทำเพียงแค่ระยะเวลากว่า 3 เดือน ยังมีปัญหาอีกมากที่ต้องดำเนินการแก้ไข โดยเฉพาะความขัดแย้งแตกแยกของคนในชาติ ถือเป็นปัญหาสำคัญที่สุดที่ คสช. และรัฐบาลชุดใหม่ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ต้องรีบแก้ด้วยการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ไล่ตั้งแต่ต้นทาง ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ อัยการ และศาลอะไรก็แล้วแต่ ตรงนี้เป็นประเด็นที่คนต้องการให้ปฏิรูป รวมถึงองค์กรอิสระและองค์กรตามรัฐธรรมนูญ

ถ้าองค์กรเหล่านี้ยังไม่มีการปฏิรูปเรื่องโครงสร้าง ความเป็นมา บุคคลในองค์กรและอำนาจรัฐไม่ชัดเจนหรือไม่มีการถ่วงดุล อำนาจเหล่านี้จะทำให้ความเป็นธรรม ความเสมอภาค หรือความเท่าเทียมกัน ยังไม่ได้รับการแก้ไข ซึ่งเป็นหัวใจของการเรียกร้องเรื่องความยุติธรรม เรื่อง 2 มาตรฐาน เรื่องการปฏิบัติตรงไปตรงมา ซึ่งต้องสอดคล้องกับประกาศ คสช. เรื่องนโยบาย เรื่องกระบวนการยุติธรรมแห่งรัฐ ที่เป็นเรื่องสำคัญ

ประเด็นปัญหาอุปสรรควันนี้เป็นเรื่องปากท้องของพี่น้องประชาชน ฝั่งอำนาจเก่าไม่ว่าจะเป็นกลุ่มพรรคเก่าแก่อย่างพรรคประชาธิปัตย์ กลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หรือกลุ่มทหารเก่า นายพลแก่ทั้งหลาย เขามองว่าการที่ พล.อ.ประยุทธ์ยึดอำนาจคือจะทำลายระบอบทักษิณให้สิ้นซาก หมายความว่าจะต้องมีการดำเนินคดีขั้นเด็ดขาด มีการตรวจสอบยึดอำนาจ มีการตัดสิทธิการเมืองตลอดชีวิต ไม่ให้เข้ามาสู่วงการเมืองของกลุ่มอำนาจเหล่านี้ โดยมีเป้าหมายเพื่อสลายสี สลายขั้วการเมือง สลายพรรค ต้องมีการยุบพรรค ปรองดอง อะไรอย่างนี้

แต่วันนี้มันเกิดขั้วอำนาจคือ 1.กลุ่มอำนาจเก่า คือกลุ่มอำนาจของทหารเก่า 2.กลุ่มอำนาจบูรพาพยัคฆ์ กลุ่มนี้มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา พล.อ.ประยุทธ์ เป็นแกนกลาง แล้วก็มีข้าราชการ ทหาร ตำรวจ มวลชน ประชาชนส่วนหนึ่งที่สนับสนุนการดำเนินการของ คสช. เพราะกลุ่มเก่าต้องการแบบสุดขั้ว เรียกว่าขวาพิฆาตซ้าย คือฝ่ายเผด็จการจะพิฆาตฝ่ายประชาธิปไตย แต่ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ดำเนินการ

เมื่อยึดอำนาจได้แล้ว กลุ่มอำนาจเก่าเขามีนายกรัฐมนตรีของเขาอยู่แล้ว แต่เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ยึดอำนาจก็หยิบชิ้นปลามันเอาไปกินเสียเอง ทำให้อำนาจเก่าไม่พอใจ มีการชุมนุมประท้วง มีการเรียกร้องที่ผ่านมา ลูกป๋าทั้งหลายวันนี้ก็ไม่ได้อย่างที่ต้องการ แล้วเกิดอาการป่วย ศูนย์อำนาจมันเปลี่ยนผ่าน ขั้วเดิมอย่างพรรคเพื่อไทย กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และอดีตนายกฯทักษิณ กลุ่มเหล่านี้เป็นกลุ่มที่ถอยห่างออกมา แม้กระทั่งวันนี้ความขัดแย้งทางการเมือง เหมือนอย่างที่ท่านวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีพูด การที่มีมาตรา 44 ไว้เพื่อไม่ให้ของสูญเปล่า เพื่อป้องกันไม่ให้มีการปฏิวัติรัฐประหาร ถามว่ากลุ่มไหนที่จะปฏิวัติรัฐประหารได้ และกลุ่มไหนที่จะทำลายทหารได้ ไม่มีกลุ่มพลเรือนทำหรอก ก็กลุ่มอำนาจเดิมกับกลุ่มทหารกลุ่มใหม่ ขั้วใหม่ที่จะมีการปฏิวัติรัฐประหาร ซึ่งตรงนี้เป็นเรื่องสำคัญ

ส่วนพรรคการเมืองอย่างพรรคประชาธิปัตย์ก็เหมือนกัน ออกมาก่อหวอด ท้วงติง โดยเฉพาะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มาทักท้วงโรดแม็พของ คสช. ไม่ว่าจะเป็นสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่มีแต่ทหารมากเกินไป หรือคณะรัฐมนตรีที่มีแต่นายพล นายทหาร และการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กลัวจะถูกล็อกสเปกอะไรต่างๆ

ปรากฏการณ์นี้สะท้อนอะไร

ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นนัยสำคัญที่สะท้อนว่าเป็นการสร้างความไม่พอใจและสร้างความเกลียดชังให้กับคณะที่ทำปฏิวัติรัฐประหาร เพราะเขาไม่ได้ในสิ่งที่เขาต้องการ แต่ลำพังตัวเขาเองก็ไม่สามารถมีพลังตอนนี้ได้ เพราะ คสช. มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด อย่างกรณีคุณสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯที่โดนคดี จริงๆแล้วคุณสนธิไม่น่าจะออกมาได้ แต่วันนี้ออกมาเพื่อขับเคลื่อนนัยอะไร ส่งนายวีระ สมความคิด ที่อยู่ในคุกเขมรกลับมา ทั้งๆที่ คสช. เป็นผู้ประสานงานสมัยนายกฯยิ่งลักษณ์แล้วต่อเนื่องมาถึง คสช. เมื่อนายวีระออกมาแล้วแทนที่จะสำนึกบุญคุณกลับออกมาเคลื่อนไหวในการเรียกร้องเรื่องพลังงาน ทั้งๆที่ฝ่าฝืนกฎอัยการศึกและประกาศ คสช. ที่ไม่ให้ทำกิจกรรม นี่คือสิ่งหนึ่งที่เป็นนัยส่งสัญญาณ

แต่กลุ่มพลังอำนาจเหล่านี้ก็ยังไม่มีพลังที่จะก่อตัวเหมือนกัน เพราะยังมีกฎอัยการศึกคุมอยู่ ทีนี้เขาจะอาศัยกลุ่มมวลชนคนเสื้อแดงที่มีมวลชนมากทำให้เกิดความไม่พอใจรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์และ คสช. สังเกตได้จากสื่อโซเชียลมีเดียหรือสื่อต่างๆที่มีภาพทหารยิงประชาชนในเหตุการณ์ปี 2553 และเรื่องคดีในศาล อย่างกรณี 99 ศพ บาดเจ็บ 2,000 คน วันนี้ศาลบอกว่าเป็นคดีทางการเมือง ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองคือ อดีตนายกฯอภิสิทธิ์ อดีตรองนายกฯสุเทพ เทือกสุบรรณ ไม่ใช่เป็นคดีอาญา แสดงว่าคดี 99 ศพ และคดีต่างๆทางอาญาหลุดหมด แค่ไปสู้คดีทางการเมืองที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมันมีโทษน้อยมาก แสดงว่าอย่างนี้ก็ลอยนวล

อันที่ 2 ที่เคยไปยื่นให้ พล.อ.ประยุทธ์ครั้งแรกของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในข้อหากบฏ เชื่อว่าข้อหากบฏมีนัยทางการเมืองไม่ให้นายสุเทพได้เคลื่อนไหว หยุดการเคลื่อนไหว ทำให้นายสุเทพหนีไปบวช เพราะถ้าหนีไปบวชก็ไม่มีการเคลื่อนไหวที่จะต่อรองเรื่องคดีอย่างนี้ ประการที่ 2 คดีเรื่องกบฏจะหลุด นี่คือแนวทางที่ทางการเมืองยังขับเคลื่อน

ทีนี้มรสุมที่ผ่านมาของ คสช. ซึ่งผมจะวิเคราะห์ให้ดู มีข้อมูลหลายประเด็นในเรื่องโครงการเมกะโปรเจกต์ที่เป็นของรัฐ ในเรื่องโครงการที่ทหารเข้าไปคุมในรัฐวิสาหกิจทั้งหมด อันนี้ต้องไปดูเรื่องความโปร่งใส เรื่องการทุจริตคอร์รัปชัน อำนาจและผลประโยชน์ ใครได้และเสียประโยชน์ตรงนี้ด้วย ตรงนี้ก็เป็นความประสงค์ของ คสช. เองที่ยึดอำนาจรัฐบาลที่ผ่านมาโดยอ้างว่ามีการทุจริตคอร์รัปชัน ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์บอกว่า ในคดีหลายคดีที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นคดีนายกฯยิ่งลักษณ์ คดีต่างๆ ขอให้เป็นกระบวนการยุติธรรมปรกติไป หมายความว่าไม่ใช้อำนาจพิเศษเข้าไปแทรกแซงหรือมีธงเหมือนเมื่อก่อน อันนั้นเราก็ยอมรับได้ถ้ามันเกิดความเป็นธรรม

แต่วันนี้ถามว่าเราเชื่อมั่นองค์กรอิสระหรือไม่ เพราะองค์กรอิสระเราต่อสู้มาตลอด และเป็นต้นตอของความขัดแย้งทางการเมืองที่ผ่านมาด้วย ไล่ตั้งแต่ ป.ป.ช. ศาลรัฐธรรมนูญ หรือจะเป็นคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ถ้าไม่แก้สิ่งเหล่านี้มันไม่ได้ ผมเชื่อว่าในอนาคตต้องมีการปฏิรูปแน่นอน อาจจะมีการยุบบางองค์กร อาจจะมีการแก้ไขอำนาจหน้าที่ขององค์กรเหล่านี้อย่างชัดเจน หรือมีการปฏิรูปบุคคลในองค์กรเหล่านั้น หรือความเป็นมาขององค์กรเหล่านี้ที่มาจาก 7 อรหันต์มาเลือกแล้วไม่มีความเชื่อมโยงกับพี่น้องประชาชน นี่คือประเด็นปัญหาล้วนๆที่คุณจะต้องแก้ ถ้าไม่แก้ตรงนี้สูญเปล่าแน่นอน

คสช. ต้องยึดความเท่าเทียมเป็นหลัก

อย่างกรณีล่าสุด ทำไมเรื่องที่สมาคมนักข่าวต่างประเทศจัดเสวนาเรื่องการคอร์รัปชัน ปิดประเทศ บอกว่าละเมิดกฎอัยการศึก นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ไปกินแซนด์วิซที่พารากอนก็บอกว่าผิดกฎหมาย แต่กรณีพรรคประชาธิปัตย์อย่างนายอภิสิทธิ์ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก และพวก ไปจัดกิจกรรมทางการเมืองด้วยการเปิดตัวหนังสือ “มหากาพย์โกงข้าว” ไม่ยับยั้ง ถามว่าอย่างนี้ คสช. จะแก้ปัญหาความเท่าเทียม ความยุติธรรมอย่างไร เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น คสช. จะต้องยึดเรื่องความเท่าเทียมเป็นหลัก ตรงไปตรงมา ไม่ใช่กลุ่มหนึ่งดำเนินการบอกว่าผิด แต่อีกกลุ่มหนึ่งดำเนินการแล้วไม่ห้าม เพราะการออกหนังสือดังกล่าวไปก้าวล่วง ไม่เหมาะสม

วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์สวมหมวกหลายใบ เป็นทั้งหัวหน้า คสช. นายกรัฐมนตรี และผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นประเด็นที่ใช้อำนาจเหล่านี้จัดการขั้นเด็ดขาดภายใต้กฎหมาย ซึ่งกฎอัยการศึกก็มีอยู่ ถ้าคุณไม่ดำเนินการก็จะมีม็อบอื่นๆ เช่น ม็อบลำไย ม็อบกระเทียม ม็อบมันสำปะหลัง ม็อบข้าวอะไร แล้วคุณบอกว่าผิด เขาก็ไม่ยอม ขอย้ำว่า คสช. ต้องใช้กฎหมายดำเนินการ ไม่เช่นนั้นความขัดแย้งแตกแยกก็จะเกิด ตรงนี้เป็นประเด็นที่ คสช. ต้องใช้ความเด็ดขาด ถ้าคุณไม่ดำเนินการก็ถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ แต่วันนี้มีอำนาจกฎอัยการศึกอยู่ ควรจะยกเลิกได้แล้ว ที่บอกว่าสะกดม็อบได้ คือเขารอคอยและอดทน เขาถูกกดขี่ข่มเหงมาเยอะ วันนี้เขาจะรออีกไม่ได้หรือ แต่ต้องขอให้เกิดความเป็นธรรม

แสดงว่า นปช. ให้โอกาสรัฐบาล คสช.

ใช่ คนเสื้อแดงหรือพรรคเพื่อไทยให้โอกาสรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์และ คสช. บริหารประเทศ ถึงได้อยู่อย่างสงบ อยู่ในที่ตั้งแบบเงียบ ให้บริหารไป ไม่มีการชุมนุม ประท้วง เคลื่อนไหวอะไร เพราะอยากให้โอกาสเขาได้ทำงาน ดังนั้น รัฐบาล คสช. ต้องรีบแก้ปัญหา แต่การแก้ปัญหาต้องใช้กฎหมายให้ความเป็นธรรมกับทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย ทุกสี ใช้กฎหมายอย่างตรงไปตรงมา จะทำให้กลุ่มหนึ่งพอใจ แต่ถ้าคุณไม่ใช้ตรงนี้ก็จะมีปัญหาอยู่ แล้วมันจะเกิดความขัดแย้ง แตกแยกเพิ่มมากขึ้น

รัฐบาล คสช. จะอยู่ได้นานแค่ไหน

เท่าที่ประเมินเชื่อว่ารัฐบาลและ คสช. จะครองอำนาจประมาณ 2 ปี และมั่นใจว่าปลายเดือนเดือน ต.ค. ปี 2558 ที่ พล.อ.ประยุทธ์ประกาศว่าจะให้มีการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย จะไม่มีการเลือกตั้งเกิดขึ้นอย่างแน่นอน แม้ว่าโรดแม็พของ คสช. อยากให้มีการเลือกตั้ง เพราะจะมีเงื่อนไขแทรกซ้อน ถ้าเกิดปลายปี 2558 ถึงต้นปี 2559 มีการปฏิวัติรัฐประหารซ้อน มีการก่อหวอด มีการชุมนุมของม็อบต่างๆ ถามว่าจะมีการเลือกตั้งตามนี้หรือไม่ ประเทศยังไม่สงบ ยังมีการเรียกร้อง มีการชุมนุม มีการขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ มันเป็นไปไม่ได้ นั่นคือเงื่อนไขขยาย ยกตัวอย่างชัดๆว่าวันนี้ทำไมไม่ยกเลิกกฎอัยการศึก เขาก็บอกว่ายังมีการเคลื่อนไหว ยังมีการต่อต้านอยู่บางพื้นที่ เพื่อความมั่นคงก็ต้องดูแลตรงนี้ เขาก็อ้างเหมือนกัน

ฉะนั้นเราถึงบอกพรรคเพื่อไทยจะสงบนิ่ง ไม่ขับเคลื่อน มีอะไรก็ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมตามระบบราชการในระยะ 1 ปี หรือปีกว่า แต่กลุ่มอื่นจะยอมหรือไม่ มือที่ 3 ที่ 4 ที่จะขึ้นมาก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ผมขอย้ำว่า รัฐบาล คสช. จะอยู่นาน 2 ปี แต่การอยู่ 2 ปี เผด็จการมันคลายอำนาจลง การที่ คสช. จะคลายอำนาจจะไม่ได้คลายทันที ก็จะตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาเพื่อสลายขั้ว สลายพรรคการเมืองในปัจจุบันอย่างเพื่อไทยให้เล็กลงกลายเป็นพรรคขนาดเล็ก เพราะไม่ต้องการให้เป็นพรรคเสียงข้างมากในการเป็นแกนนำรัฐบาลเหมือนที่ผ่านมา เขาก็จะต้องมีการตั้งพรรคการเมือง มีการซื้อตัว ส.ส. มีการระดมทุนเข้ามาเพื่อสืบทอดตรงนี้

ถามว่าวันนี้การที่มี สปช. มันเป็นโมเดลที่เขาทำมาแล้ว ต่อให้มีคนเท่าไร มีชื่อเสียงไปไม่มีประโยชน์ เราถึงบอกว่าพรรคเพื่อไทยไม่เข้าไป เพราะคุณมีบล็อกของคุณแล้ว เข้าไปก็แค่นั้น หรือ สนช. สามารถเอาเข้าได้ ถอดได้ถ้าไม่เป็นไปตามแนวทางที่เขาวางไว้ เพราะฉะนั้นอย่าไปคาดหวังเลยว่าการเมืองไทยจะเป็นระบอบประชาธิปไตยอย่างที่หวังไว้ วันนี้ถือว่าเบ็ดเสร็จเด็ดขาด พูดง่ายๆว่า อยู่ในช่วงปิดประเทศ แช่แข็งประเทศไทย วันนี้นักการเมือง พรรคการเมืองเหมือนถูกแช่แข็ง ทำกิจกรรมก็ไม่ได้ ประชุมก็ไม่ได้ แล้ววันนี้พรรคปิดหมด การชุมนุม 5 คนขึ้นไปผิดกฎหมาย แล้วจะให้ทำอย่างไร

ถ้าไม่มีเลือกตั้งปี 58 ม็อบลุกฮือแน่

คุณต้องเข้าไปสู่การเลือกตั้งให้เร็วตามกรอบโรดแม็พ ถ้าคุณไม่ทำคนก็จะลุกฮือขึ้นมาอีก แต่วันนี้ไม่ใช่เฉพาะคนที่ต่อสู้เรื่องประชาธิปไตย แต่พวกอำนาจเก่าที่กำลังล้ม และจะเรียกอำนาจคืน จะเอาตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคืน กลุ่มนี้แหละจะออกมาต่อต้าน เรียกว่าทหารจะรบกันเอง ไม่มีใครปฏิวัติรัฐประหารได้ ทหารจะปฏิวัติรัฐประหารกันเอง เหมือนกับกบฏเมษาฮาวาย อันนี้ก็เหมือนกับทหารกลุ่มวงศ์เทวัญไปอิงกับอำนาจเก่าส่วนหนึ่ง กลุ่มบูรพาพยัคฆ์แน่นอนเขาถูกต่อต้านแน่

สุดท้ายเขาจะสร้างกระแส โดยเขาจะโยนว่า พล.อ.ประยุทธ์ขายชาติ ขายแผ่นดิน ใช้อำนาจ เหลิงอำนาจ แล้วก็โค่นล้มจนถูกเนรเทศเหมือนจอมพลถนอม กิตติขจร จอมพลประภาส จารุเสถียร และพันเอกณรงค์ กิตติขจร กลุ่มอำนาจเก่าเขาจะต้องทำอย่างนี้ เพราะเป็นโมเดลที่เขาทำมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็น ดร.ปรีดี พนมยงค์ ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ และอีกหลายๆคนที่เจอ หรือล่าสุด พ.ต.ท.ทักษิณ นั่นคือแนวโน้มของสถานการณ์บ้านเมืองที่จะเกิดขึ้นในอนาคต