วันพฤหัสบดี, เมษายน 30, 2558

เอาเรื่องการบ้าน (แถววัดไทย แอล.เอ.) มาเล่าบ้าง


(ภาพจากหนังสือพิมพ์เสรีชัย)

คราวนี้ขอเอาเรื่องการบ้านมาเล่าบ้างสักครั้ง ไม่ทราบมี เพื่อนไทยที่นี่กี่ท่านอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา แต่ว่าถึงจะไม่มากก็ไม่เป็นไร หากใส่ใจเกี่ยวกับพุทธศาสนจักรฝ่ายเถรวาท ก็รับฟัง และแสดงข้อคิดเห็นกันได้

หลายท่านคงทราบดีว่ามีวัดพุทธแบบไทยกระจัดกระจายอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาจำนวนมาก เฉพาะในพื้นที่มณฑลลอส แองเจลีสแห่งเดียวก็มีอยู่ราว ๔๐ วัดเข้าไปแล้ว จนถึงกับมีสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกาเป็นปึกแผ่น และจะมีการประชุมสมัชชาฯ ครั้งที่ ๓๙ ขึ้นที่วัดไทยนครลอส แองเจลีส ระหว่างวันที่ ๑๐-๑๔ มิถุนายน ศกนี้ ที่ผู้เขียนได้ข่าวว่าจะมีการจัดกิจกรรมเสริมกันเป็นงานใหญ่ให้ครึกโครม ผิดกับการประชุมเช่นนี้ที่เคยมีมา

ซ้ำแอบไปทราบเป็นเลาๆ ว่ากลุ่มผู้ปาวารณาตัวเข้าร่วมลงแรงช่วยส่งเสริมงานนี้ มีเจตนาจะกอบกู้-ชูเชิดชื่อเสียงและศักดิ์ศรีของวัดไทยลอส แองเจลีสให้กลับมารุ่งโรจน์ดั่งเคยพุ่งกระฉูดเมื่อช่วงยี่สิบปีก่อนหน้านี้

วัดไทยลอส แองเจลีส จัดเป็นวัดที่ก่อร่างสร้างตัวด้วยลำแข้งตนเองจนมั่นคง และกลายเป็นวัด พี่ใหญ่ ของสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมา นอกเหนือจากที่เป็นศาสนสถานโดดเด่น ศูนย์รวมสำหรับพระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาทใน The Greater Los Angeles แล้ว ยังมีบทบาทเข้มแข็งในการเผยแพร่ภาษา ศิลปะ และวัฒนธรรมไทย ทั้งในทางเกี่ยวเนื่องกับพระพุทธศาสนาและมรดกทางเชื้อชาติทั่วไป ทั้งต่อคนไทย คนเอเซียนจากอุษาคเนย์ พร้อมกับคนอเมริกันโดยรวม ด้วยการดำเนินการโรงเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์และโรงเรียนวัดไทยภาคฤดูร้อนอย่างได้ผลดียิ่ง ผลิตเด็กไทยอเมริกันที่ช่ำชองศิลปวัฒนธรรมไทยมาแล้วหลายรุ่น

กิจกรรมอย่างหนึ่งที่กล่าวได้ว่าทำให้วัดไทยลอส แองเจลีสเติบโตเป็นเด่นก็คือ การเปิดตลาดนัดให้มีการออกร้านค้าขายสินค้าและอาหารในวันเสาร์-อาทิตย์ เป็นที่นิยมของผู้คนหลากหลาย ก่อให้เกิดรายได้ส่วนสำคัญแก่วัด นอกเหนือจากทางการบริจาค (ทำบุญ) จากพุทธศาสนิกชน เมื่อมีคนจำนวนมากถือเป็นกิจวัตรไปเที่ยววัดไทยแอล.เอ. ซึ่งตั้งอยู่ในท้องที่น้อร์ธฮอลลีหวูดต่อกับซัน แวลลี่ย์ ทางตอนเหนือของมณฑลลอส แองเจลีส กันทุกสุดสัปดาห์

อันการติดตลาดนัดหย่อมประจำเสาร์-อาทิตย์เช่นนี้เป็นความนิยมของคนอเมริกันอยู่แล้ว ในมลรัฐแคลิฟอร์เนีย (ทั้งเหนือและใต้) ชุมชนต่างๆ มักมีตลาดนัดของตนเอง (ส่วนมากเรียกว่า Farmers’ Market) กันทุกสุดสัปดาห์ หากแต่ร้านค้าที่ไปตั้งเต๊นท์เช่าบู๊ธ โดยเฉพาะผู้จัดย่อมต้องปฏิบัติตามกฏระเบียบในการปกปักรักษาเรื่องสาธารณสุข การจราจร และความเป็นระเบียบเรียบร้อยเกี่ยวกับขยะมูลฝอย

เมื่อราว ๘ ปีที่แล้ว ตลาดนัดวัดไทยแอล.เอ.วันเสาร์-อาทิตย์ต้องปิดตัวลง หลังจากถูกผู้อยู่อาศัยรายรอบวัดร้องเรียนต่อทางการท้องที่ ว่าก่อให้เกิดขยะมูลฝอยเกลื่อนอยู่ตามสนามหญ้าหน้าบ้านของผู้อยู่อาศัยแถบนั้น บ่อยครั้งผู้คนที่ไปเที่ยวตลาดนัดจะนำอาหารออกไปนั่งรับประทานกันบนสนามหน้าบ้านแล้วปล่อยขยะทิ้งไว้ บางครั้งบางคนถือวิสาสะเหมือนงานวัดในประเทศไทย เอาง่ายเข้าว่าปลดเปลื้องปัสสาวะใส่พุ่มไม้หน้าบ้านเขา

ได้มีการจัดประชุมทำความเข้าใจ (Hearings) กับเจ้าหน้าที่ทางการบริหารท้องถิ่น ผู้อยู่อาศัยในท้องที่ และตัวแทนวัดไทยหลายครั้ง จนเป็นที่กระจ่างว่าการจัดตลาดนัดวัดไทยจักต้องควบคุมมิให้เกิดการละเมิดรบกวนดังกล่าวขึ้นได้เป็นอันขาด นอกเหนือจากนั้นยังต้องเข้มงวดกวดขันด้านการขยายเสียง ไม่ดังเกินไป ให้อยู่แต่ขอบข่ายภายในบริเวณ และตามกำหนดเวลาอย่างเคร่งครัด ประการสำคัญปัญหาที่จอดรถ ซึ่งทางวัดจัดการแก้ไขทุกครั้งที่มีกิจกรรมในลักษณะเฟสติวัล ด้วยการไปเช่าที่อาคารจอดรถขนาดใหญ่ของโรงพยาบาลใกล้เคียง ห่างเพียงไม่กี่ไมล์ แล้วให้มีรถตู้ ชัตเติ้ลรับส่งคนระหว่างวัดกับสถานที่จอดรถ

หลังจากหยุดยั้งการจัดตลาดนัดเสาร์-อาทิตย์ไปพักใหญ่ ก็มีความคิดที่จะรื้อฟื้นตลาดนัดกันขึ้นมาอีก เพื่อที่พุทธศาสนิกชนและคนทั่วไปนิยมไปวัดในวันสุดสัปดาห์กันเหมือนดั่งเคย และทางวัดก็จะมีรายได้เสริมเข้ามาช่วยสนับสนับสนุนการดำเนินงานอย่างมั่นคงเช่นก่อน หลังจากที่ผ่านมาหลายปีคนส่วนใหญ่เข้าใจผิดว่าทางการนครมีคำสั่งห้ามวัดไทยติดตลาดนัดอย่างถาวร ทำให้ตลอดมาคณะกรรมการอำนวยการของวัดมักปฏิเสธอย่างแข็งขันต่อเสียงเรียกร้องนั้น

จนกระทั่งเมื่อปลายปีที่แล้วคณะกรรมการอำนวยการได้จัดซื้ออสังหาริมทรัพย์บริเวณหัวมุมถนนร้อสโก้ตัดกับโคลด์วอเตอร์แคนเนี่ยน ซึ่งเคยเป็นปั๊มน้ำมันติดกับบริเวณวัด เปิดให้ภูมิทัศน์ของวัดดูกว้างขวางเป็นเด่น และมีเนื้อที่สำหรับจอดรถมากพอสำหรับการมีกิจกรรมสำคัญ (Events) ตามระเบียบของทางการ

หากแต่การซื้อทรัพย์สินชิ้นนี้เป็นภาระค่าใช้จ่ายของวัดเพิ่มเข้าไป จากหนี้ค้างจ่ายอีกประมาณ ๑ ล้านดอลลาร์ ที่ทางวัดเขียนเป็นเอกสารสัญญาชำระหนี้ (Promissory Note) ให้ไว้กับเจ้าของที่ โดยมีค่าดอกเบี้ยผูกพันต้องจ่ายเพิ่มให้แก่เจ้าของที่เป็นรายเดือนละ ๕ พันเหรียญสหรัฐ

การนี้ทำให้พระราชธรรมวิเทศ (หลวงพ่อใหญ่ ปัจจุบันสมณศักดิ์ พระเทพมงคลวิเทศ) ดำเนินการติดต่อกับวัดพระเชตุพน (วัดโพธิ์) เพื่อขอความช่วยเหลือหมายใจจะนำปัจจัยมาจ่ายคืนหนี้ให้หมด ไม่ต้องจ่ายเพิ่มดอกเบี้ยรายเดือนอีกต่อไป “โดยเห็นว่าการที่ได้เข้าไปเป็นสาขาวัดพระเชตุพนจะมีโอกาสได้รับความช่วยเหลือทางด้านการเงิน ในขณะที่วัดไทยกำลังมีหนี้สิน”
(นายชวพจน์ ถุงสุวรรณ เลขานุการคณะกรรมการอำนวยการ เขียนเล่าไว้ในหนังสือพิมพ์เสรีชัยฉบับวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๕๘ http://www.sereechai.com/index.php/2013-05-10-02-33-15/3290-2015-04-10-09-46-39)

หลวงพ่อใหญ่ เจ้าอาวาสวัดไทยแอล.เอ. ได้ทำการติดต่ออย่างเป็นลายลักษณ์อักษรจนกระทั่งวัดโพธิ์ตอบตกลงเมื่อวันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๕๗ คณะกรรมการอำนวยการจึงได้กำหนดพิจารณาเรื่องนี้ในการประชุมประจำปีของคณะกรรมการอำนวยการซึ่งมีขึ้นที่อาคารหลวงเตี่ย วัดโพธิ์ กรุงเทพฯ โดยมีกรรมการอำนวยการ หรือบอร์ด ๘ คน (จากทั้งหมด ๑๐ คน) เข้าร่วมประชุม

ผลการประชุมปรากฏว่ากรรมการบอร์ดส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการให้วัดไทยแอล.เอ.เข้าไปเป็นสาขาของวัดโพธิ์ กรรมการท่านหนึ่งอภิปรายว่า “คำว่า สาขา เป็นคำแรง หากเราเป็นสาขาเราต้องทำทุกอย่างตามที่สำนักงานใหญ่บอกมา วัดไทยเราสร้างมากว่า ๔๐ ปี มีเอกลักษณ์ของตัวเอง น่าที่จะเปลี่ยนคำพูดให้เหมาะสมดีกว่า เช่นเปลี่ยนจากคำว่า สาขาเป็นวัดพี่วัดน้องหรืออยู่ในความอุปถัมภ์ของวัดพระเชตุพนเป็นต้น

“ที่ประชุมได้ลงมติ ๗ ต่อ ๐ ให้ ชลอ’ เรื่องนี้จนกว่าจะได้มีการประชุมคณะกรรมการอำนวยการเพื่อพิจารณาในโอกาสต่อไป” นายชวพจน์เขียนเล่า

หากแต่ข่าวที่ถูกส่งไปยังหนังสือพิมพ์ไทยในท้องที่อ้างนายไพสันต์ พรหมน้อย อดีตบรรณาธิการและเจ้าของหนังสือพิมพ์ เอเชี่ยนแปซิฟิค ซึ่งเพิ่งย้ายกลับไปอยู่ประเทศไทย กลายเป็นความว่า “วัดไทยแอลเอร้าวหนักถึงขั้นยกวัดให้คนนอก(หนังสือพิมพ์สยามทาวน์ยูเอส http://www.siamtownus.com/New-1503000032-1.aspx ) บ้าง “สาธุชนแอลเอช็อค!-หลวงพ่อใหญ่ยกวัดไทยให้วัดโพธิ์” (หนังสือพิมพ์สยามมีเดีย http://siammedia.org/news/losangeles/20150313_01.php ) บ้าง

หนังสือพิมพ์สยามมีเดียนั้นอ้างคำให้สัมภาษณ์ของนายเกริกชัย ซอโสตถิกุล รองประธานกรรมการอำนวยการฝ่ายประเทศไทย ว่า “พี่ชายผมบริจาคที่ดินแห่งนี้ (เพื่อสร้างวัดไทย) ให้เป็นสาธารณกุศลให้ประชาชนไทยในสหรัฐฯเป็นเจ้าของ ไม่ได้มอบให้ผู้หนึ่งผู้ใด หลวงพ่อเจ้าอาวาสเข้าใจผิดคิดว่านำวัดไทยไปยกให้วัดโพธิ์โดยพลการ หลวงพ่อเจ้าอาวาสต้องไปแก้ไขเอาเอง เพราะไม่มีผลตามกฏหมายแต่อย่างใด

หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ยังได้เพิ่มเติมเนื้อข่าวด้วยว่า “ฝั่งผู้นำชุมชนไทยหลายองค์กรในแอลเอและคณะกรรมการอำนวยการวัดไทยแอลเอ เตรียมทำหนังสือลงชื่อคัดค้านหลวงพ่อใหญ่ พระเทพมงคลวิเทศ...เนื่องจากหลวงพ่อใหญ่ในฐานะเจ้าอาวาสไม่ได้เป็นเจ้าของวัดแต่เพียงผู้เดียว วัดเป็นของชุมชนไทยที่ต้องอยู่ภายใต้การบริหารงานของคณะกรรมการอำนวยการ"

ส่วนหนังสือพิมพ์สยามทาวน์ก็ได้ทำการสัมภาษณ์แหล่งข่าวที่ขอสงวนนามสองท่าน ซึ่ง “แสดงความเห็น... คล้ายกันว่า การยกวัดไทย แอลเอ ให้อยู่ในความดูแลของวัดพระเชตุพนฯ ดังกล่าว มีสาเหตุมาจากความไม่พอใจของ หลวงพ่อใหญ่เจ้าอาวาส ต่อคณะกรรมการบริหารวัดฯ ที่มีความเห็นไม่ตรงกันอยู่หลายครั้ง”

แหล่งข่าวหนึ่งในสองที่ดูเหมือนจะเป็นชายกล่าวว่า “แล้วก็เรื่องที่ท่านจะเปิดตลาดอาหารใหม่ บอร์ดเขาก็บอกว่ามันไม่ง่ายแบบนั้น ท่านตั้งทีม มอบหน้าหน้าที่เสร็จหมดแล้ว จะเปิดให้ได้ บอกว่าถ้ามีปัญหาก็ค่อยๆ แก้ไป อะไรแบบนั้น พอทำไม่ได้อย่างใจ ท่านก็เลยบอกให้วัดโพธิ์ส่งบอร์ดชุดใหม่มาบริหารวัดไทยซะเลย... คงคิดว่าทำได้ง่ายๆ”

แหล่งข่าวสงวนนามของสยามทาวน์อีกท่าน เชื่อว่าเพศหญิง เพราะให้ความเห็นว่า ยอมรับนะคะว่าทุกวันนี้ วัดไทยไม่คึกคักเหมือนตะก่อนแล้ว จัดงานอะไรคนก็น้อย คนที่เคยมาวัดไทยบางคนเขาไปโน้น...วัดป่าฯ วัดสุทธาวาส ถ้ามีงานพร้อมกันนี้ เสร็จวัดป่าหมด ขับรถไกลเขาก็ยอม แล้วนี่วัดไทยฯ กำลังจะมีงานใหญ่ (เป็นเจ้าภาพจัดประชุมประจำปีของสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา) ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นไง เธอไม่ทับถม แต่อย่างนี้น่าจะไม่ใช่ชม

ปูพื้นมายาว แท้จริงแล้วต้องการบอกว่า การเคลื่อนไหวคัดค้าน หลวงพ่อใหญ่ ดังกล่าว มีจุดมุ่งหมายต้องการรณรงค์ ปลดเจ้าอาวาสออกจากประธานบอร์ด และ/หรือ ผลพลอยได้ทำให้ท่าน หลุด จากตำแหน่งเจ้าอาวาสไปด้วย

ความเช่นนี้ได้แพร่ขยายออกไปโดยไวในหมู่คนไทยที่ใกล้ชิดและผูกพันกับ วัด เกิดสงคราม ใบปลิวโจมตีกันระลอกใหญ่ ส่วนหนึ่งรุดหน้ากว่าที่หนังสือพิมพ์แนะ ถึงขั้นเรียกร้องให้บอร์ดปลดเจ้าอาวาส แต่ส่วนใหญ่ออกมาปกป้องพระ กลับเห็นว่าฆราวาสในกรรมการบอร์ด ก้าวล้ำเจ้าอาวาสมากไป

อีกทั้งมีนัยยะมากไปกว่านั้นว่า ไฉน กรรมการอำนวยการที่อยู่ในประเทศไทย อันเป็นกลุ่มบุคคลที่เป็นญาติและเคยร่วมมือใกล้ชิดกับนายพูนศักดิ์ ซอโสตถิกุล ผู้ซึ่งยกที่ดินให้ก่อตั้งวัดไทยฯ เมื่อกว่าสี่สิบปีที่แล้ว จึงต้องเป็นผู้มีอำนาจชี้ขาดในทางปฏิบัติ ตัดสินกิจกรรม นิติการ และทิศทางของวัดอยู่ร่ำไป ทั้งที่ในเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมาวัดไทยดำเนินงานอย่างชนิดที่เรียกได้ว่า ยืนอยู่บนลำแข้งตนเอง หรือมี sustainability โดยตลอด

จะมีบางครั้งที่เกิดความคิดบรรเจิด ต้องการให้วัดไทยฯ อยู่ภายใต้อุปถัมป์ของทางประเทศไทยให้เป็นเกียรติเป็นศรีแก่วัด แต่ความคิดนั้นต้องยกเลิกไปเนื่องจากมีการเรียกร้องตอบแทนกลับจากวัดสูงมากเสียจนไม่อาจสู้ราคาได้ แต่การดำเนินงานโดยพลการของหลวงพ่อใหญ่คราวนี้กลับตรงข้าม การขอรับฉายา สาขาหมายถึงว่าทางวัดจะได้รับ ปัจจัย ช่วยเหลือตามมาด้วย แต่ว่าการขอรับความอุปถัมป์ครั้งก่อน วัดจะต้องจ่ายปัจจัยไปแลก

ดังนี้ ที่มีการเปิดประเด็นเรื่องการเป็นสาขาวัดโพธิ์ ไว้ในหนังสือพิมพ์ว่า “อย่างนี้ย่ำยี่หัวใจคนไทยในแอล.เอ.มากเกินไป” กลายเป็นย่ำยีเพราะมี conspiracy มุ่งหมายโค่นหัวหน้าสงฆ์ที่พวกเขารักต่างหาก

จึงได้เกิดการประชุมแบบเปิดกว้าง ‘Town hall meeting’ ขึ้นหลายครั้ง ศาสนิกชนไทยจำนวนมากแห่กันไปแสดงความคิดเห็นกันขนานใหญ่ กลับกลายเป็นการวิพากษ์บอร์ดเสียมากกว่าตำหนิสงฆ์ จนกระทั่งมีการตั้งคณะทำงานขึ้นเพื่อสนับสนุนให้นายบุญเลิศ บุญศุขะ ได้รับการแต่งตั้งกลับเข้าไปเป็นกรรมการบอร์ดที่ขาดอยู่ จากการลาออกของนายสุรพล เมฆพงษ์สาทร เมื่อหลายเดือนก่อนหน้านี้

การเลือกให้นายบุญเลิศผู้ซึ่งอยู่อาศัยในแอล.เอ. อย่างถาวร ทั้งยังเป็นที่ยอมรับนับถือว่า เคยอาสาสมัครปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือวัดประดุจดังมรรคนายกเป็นเวลานับสิบๆ ปี ตั้งแต่ยังไม่มีการสร้างพระอุโบสถ เข้าไปเป็นบอร์ดครั้งนี้ด้วยความมุ่งหมายให้เกิดสมดุลทัดทาน พวกเมืองไทยในคณะกรรมการบอร์ด ๑๐ คน ที่มักจะลงคะแนนเสียงเป็นบล็อคไปในทางเดียวกันแทบทุกครั้งไป อันประกอบด้วย นายเกริกชัย ซอโสตถิกุล นายสุรพล เมฆพงษ์สาทร (ที่การลาออกเป็นผลที่สุดแล้ว) นายเกียรติ ประชาศรัยสรเดช นายพัลลภ บัวสุวรรณ และนายสง่า งาดี

(หมายเหตุ เนื่องจากระเบียบกำกับการดำเนินงานองค์กรไม่ค้ากำไร (By Law) ของวัดไทยกำหนดให้อำนาจ คณะกรรมการอำนวยการเป็นผู้แต่งตั้งกรรมการคนใหม่แทนที่กรรมการที่พ้นสภาพ ซึ่งพ้นได้ด้วยการลาออกสถานเดียว แม้ผ่านอายุขัยก็ไม่พ้น ขณะนี้จึงมีการรณรงค์ให้สนับสนุนนายบุญเลิศได้รับการแต่งตั้ง โดยส่งอีเมล ให้ชื่อ ที่อยู่ แสดงความจำนงไปยัง changewatthai@hotmail.com ด้วย)

พร้อมทั้งมีการผนึกกำลังกันที่จะจัดให้มีกิจกรรมเสริม เพื่อชักชวนสาธุชนเข้าไปมีส่วนร่วมอนุโมทนาและเฉลิมฉลอง ในระหว่างการประชุมสมัชชาสงฆ์ที่จะมีขึ้นในเดือนมิถุนายน ให้เกิดการร่วมแรงร่วมใจของเหล่าชนที่ผูกพันต่อวัดเป็นจำนวนมาก อย่างพร้อมเพรียงอีกครั้ง “ให้คึกคักเหมือนตะก่อน”  ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง ไม่ต้องแยกวัดนั้นวัดนี้ ไม่ต้องมีพวกฉันพวกเธอ
(ภาพจากหนังสือพิมพ์สยามทาวน์ยูเอส)

พัฒนาการล่าสุดเท่าที่สัมผัสได้ในอาทิตย์นี้ เห็นมีข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นบางฉบับแล้วว่า คณะกรรมการบริหารของวัดลงมติเปิดตลาดนัดอาหารอีกครั้ง หลังจากที่หยุดไปตั้งแต่ปี ๒๕๕๐

และได้รับไฟเขียวจากทางซิตี้เรียบร้อยแล้ว พร้อมที่จะเปิดบริการอาหารไทยในราคาและคุณภาพมาตรฐาน โดยจะเริ่มเปิดตั้งแต่วันเสาร์-อาทิตย์ที่ -๑๐ พฤษภาคม ศกนี้ เป็นต้นไป”
อนุโมทนา สาธุ