วันศุกร์, มิถุนายน 19, 2558

ความเจ้าเล่ห์ของอานันท์ ปันยารชุน กับความไร้เดียงสา ของธีรยุทธ บุญมี



ที่มา เพจ
Thanapol Eawsakul


ความเจ้าเล่ห์ของอานันท์ ปันยารชุน กับความไร้เดียงสา ของธีรยุทธ บุญมี
...........

ถ้าใครตามข่าว เรื่องอานันท์ ปันยารชุน ที่เคยเป็นหัวขบวนอีลิต/อำมาตย์ ไทยในการเชียร์รัฐประหาร ตั้งแต่เริ่มต้น

14 สิงหาคม 2557
เมื่อพิธีกรถามว่า คุณอานันท์ให้ความชอบธรรมหรือสนับสนุนการรัฐประหารครั้งนี้มากน้อยแค่ไหน นายอานันท์ กล่าวว่า ขอตอบเป็นคำถามว่า ตนจะเห็นด้วยหรือไม่ แล้วมันเปลี่ยนแปลงอะไรได้ไหม เพราะมันเกิดขึ้นแล้ว จึงมีศัพท์ใหม่ว่า ไม่ประณามแต่ก็ไม่ได้สนับสนุนเต็มที่ ตนมองว่าการพูดเรื่องนี้ไม่มีประโยชน์อะไร เคยมีคนบอกตนว่า คุณมาเป็นนายกฯ ไม่ชอบธรรมเพราะมาจากการรัฐประหาร ตนไม่เคยเถียง ต้องเข้าใจว่า มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว แก้ไขไม่ได้ คำถามคือ เมื่อตนเป็นนายกฯ แล้ว ทำอะไรที่ไม่ชอบธรรมหรือไม่นายอานันท์ กล่าวต่อว่า ตนไม่คิดว่าทหารสนุกกับการรัฐประหาร เพราะการเข้ามานั้นเสี่ยงมาก ถ้าทำไม่สำเร็จก็มีโทษ อย่าคิดว่าทหารเอะอะจะรัฐประหาร ตนเห็นว่าเขาคิดแล้วคิดอีก และตนเองก็ไม่ได้ชอบการรัฐประหาร บอกได้เลยว่าไม่อยากเห็นการรัฐประหารในไทย แต่ถ้าประเทศไทยมีรัฐบาลที่ตอบสนองความต้องการของประชาชน เป็นรัฐบาลที่ให้ความเป็นธรรม มีพื้นที่ให้ประชาชนทุกคนได้หายใจ พื้นที่ให้แสดงความเห็น รักษาความเป็นมนุษย์ของเขาได้ ก็คงไม่มีรัฐบาลที่จะทำให้ทหารต้องมารัฐประหาร โดยตนมองว่าการรัฐประหารไม่ใช่ต้นเหตุ แต่เป็นปลายเหตุ
ดู
“อานันท์” เห็นใจทหาร เชื่อ มีเหตุผลจำเป็นต้องรปห.
http://www.dailynews.co.th/politics/259538

.......
แต่ เมื่อผ่านไป 6 เดือน อานันท์ ก็เริ่มทำตัวเป็น "เห็บ" พร้อมที่จะ “กระโดด” ออกมา โดยทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ว่าตัวเองนั่นแหละเคยหนุนรัฐประหารมาก่อนหน้า

24 พฤศจิกายน 2557

มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ได้ทำมาแล้วสบายใจ แต่ก็มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ผมอึดอัดใจ ผมชักเริ่มไม่ค่อยแน่ใจว่า ความพยายามที่จะดูแลปัญหาคอร์รัปชั่นจริงใจแค่ไหนและจะทำหรือเปล่า เพราะข่าวลือมันมากเหลือเกิน ผมก็หวังว่าข่าวลือข้างนอก ทหารก็คงจะได้ยินบ้าง ผมเป็นคนไม่ค่อยเชื่อข่าวลือ แล้วก็ไม่ใช่เป็นคนฟังแล้วไปขยายต่อข่าว แต่เมื่อได้ยินมา ผมก็หวังว่าไม่ใช่

แต่ผมว่า ใครก็ตามที่รับผิดชอบ จำเป็นต้องรู้ว่ามีข่าวลือกันอยู่ และเขาต้องรู้ดีว่าข่าวลือนั้นจริงไม่จริง ถ้าเป็นจริงผมก็ช่วยไม่ได้ ถ้าไม่จริงก็ควรหาทางปรับความเข้าใจ

มีการพูดกันต่างๆนานาว่า มีการตกลงกันนอกรอบ ผมไม่รู้ แต่ผมรู้สึกว่า ถ้ายังสนใจทำเรื่องการปรองดอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี แต่ก็ต้องแยกให้ถูก การปรองดองเรื่องหนึ่ง การเอาผิดลงโทษเรื่องหนึ่ง ผมไม่ได้บอกว่าควรจะทำอย่างไร การปฏิรูปก็อีกเรื่องหนึ่ง คนชอบถามว่าปฏิรูปก่อนปรองดองหรือปรองดองก่อนปฏิรูป ในใจผมคิดว่าต้องไปพร้อมกัน
ดู
“อานันท์”ประเมิน 6 เดือนคสช. การปฏิรูป ความท้าทาย และข่าวลือเรื่องปรองดอง?
http://www.isranews.org/isra-ne…/…/34642-reform_571124.html…
............

ล่าสุด การที่อานันท์ได้ออกมา “เบรค” ความพยายามของคณะรัฐประหารที่จะ “อยู่ยาว”

16 มิถุนายน 2558

“รัฐบาลชุดนี้มีความตั้งใจและความพยายามที่ดี แต่หลายที่มีมาตรการออกไปทั้งด้านกฎหมายและการเมือง ทำให้คนจำนวนไม่น้อยพูดไม่ได้ และเริ่มรู้สึกอึดอัดอีกแล้ว ผมไม่ได้พูดถึงเรื่องจะเสียของหรือไม่ หรือทำไมยังไม่เกิดความปรองดองแต่ผมคิดว่าเรายังไม่พยายามค้นหาสาเหตุขอความแตกแยกที่แท้จริง” นายอานันท์ กล่าว

นายอานันท์ กล่าวว่า การที่คนส่วนใหญ่ถูกปิดปาก พูดไม่ได้ ชุมนุมไม่ได้ ได้สร้างความอึดอัดขึ้น ขณะที่ความสงบในประเทศยังคงสงบต่อไปแต่เป็นเพียงความผิวเผิน ถ้าสังคมสงบอยู่อย่างนี้ต่อไปก็คงไม่มีอนาคต
"ขณะนี้มีความพยายามทำให้คนพูดไม่ออก พูดไม่ได้ ถือเป็นสังคมปิด เมื่อเป็นสังคมปิดความโปร่งใสก็ไม่มี ธรรมาภิบาลก็หายไป การแสดงความรับผิดก็ไม่มี และองค์ประกอบของประชาธิปไตยก็ไม่มี"นายอานันท์กล่าว
ดู
"อานันท์" เตือน "บิ๊กตู่" อย่าอยู่ยาว....
http://www.posttoday.com/…/%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B…

ทั้งหมดนั้นก็พยายาม “ฟอก” ตัวเองว่า

“กูไม่เห็นด้วนะเว้ย ถ้าเกิดฉิบหายอะไรขึ้นมา กูไม่รับผิดชอบด้วย”
.....................

ท่าทีของอานันท์ ที่สามารถ “พริ้ว” ได้เช่นนี้เพราะเขาฝึกฝนการทูต มาตั้งแต่เป็นเด็กถือกระเป๋าให้กับ ถนัด คอมันตร์




ท่าทีเช่นนี้ต่างกันอย่างลิบลับกับ ธีรยุทธ บุญมี ที่ก่อนหน้าพยายามบอกว่าตัวเองเป็นทั้งนักคิด นักยุทธวิธี แต่ผ่านไป 1 ปี ธีรยุทธ บุญมี ยังเชียร์รัฐประหารอย่างหัวปัก หัวปำ ว่าจะแก้ปัญหาการเมืองได้

28 มิถุนายน 2557
การมีเสรีภาพ ต้องอยู่ในทิศทางที่เป็นผลดี มีความรับผิดชอบ ซึ่งจะเป็นวัฒนธรรมที่ยั่งยืนของไทย ส่วนเรื่องประชาธิปไตยในประเทศไทยนั้น นายธีรยุทธ กล่าวว่า ที่ผ่านมา เป็นเพียงการเลือกตั้ง ที่แสวงหาคนเข้ามามีอำนาจ 10 ปีที่ผ่านมา สังคมไทยปล่อยให้กลุ่มทุนเข้ามามีบทบาท มีอำนาจจึงเกิดปัญหาคอร์รัปชัน นำไปสู่รัฐล้มเหลว

พร้อมระบุด้วยว่า จริยธรรมที่ล้มเหลวของไทย ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้สังคมไทยเกิดการคอร์รัปชัน จนกลายเป็นค่านิยม ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ดังนั้น ชนชั้นนำที่เข้าใจเรื่องความมั่นคง จะทำให้รัฐไทยปรับตัวเข้มแข็งขึ้น แต่ก็ยังไม่ใช่ความเข้มแข็งที่แท้จริงทั้งหมด ต้องให้สิทธิเสรีภาพของประชาชนเป็นตัวนำ จึงจะแก้ไขวิกฤติของประเทศได้

นายธีรยุทธ ยังกล่าวถึงการทำงานของ คสช.ด้วยว่า จะขอรอดูการทำงานไปอีกระยะหนึ่งก่อน ยังไม่ขอแสดงความเห็น แต่ขอยืนยันว่า ตนต่อต้านการรัฐประหารที่ทำให้สังคมไทยเกิดความแตกแยก ทั้งนี้ ขอเรียกร้องให้คนไทยทั้งประเทศ ช่วยกันสร้างความสามัคคีให้เกิดขึ้น.
ดู
'ธีรยุทธ' ยังไม่ประเมิน ขอดูผลงาน คสช.ก่อน
http://www.thairath.co.th/content/432785
..............
ผ่านไปเกือบ 1 ปี ธีรยุทธ ไม่เพียงแต่เชียรืรัฐประหาร แต่ยังเชียร์ให้ใช้อำนาจให้เผด็จการมากขึั้นไปอีก

26 มีนาคม 2558

ในสังคมประชาธิปไตยการที่จะนิยามประเทศว่าอยู่ในสถานการณ์พิเศษจนต้องใช้ กลไกพิเศษ อำนาจพิเศษนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องลงทุนลงแรงมข้อเท็จจริงประจักษ์ชัด คนจึงจะยอมรับ (เช่นกรณี 3 จังหวัดภาคใต้ กรณี 9/11 ที่มีคนตายหลายพันคน จน Bush, Blair และอีกหลายประเทศนำภารกิจพิเศษและมาตรการพิเศษมาใช้)

ถ้าสังเกตจะพบว่าเมื่อเริ่มต้นที่ คสช. เข้ามารักษาความสงบ มีการจัดการอำนาจมาเฟียนอกระบบ การคอร์รัปชั่นของนักการเมือง และจัดระเบียบธุรกิจสีเทาต่างๆ มีเสียงชื่นชมและกดเสียงวิจารณ์ลงไปโดยอัตโนมัติ
ถ้า คสช. ใช้อำนาจพิเศษให้สมชื่อกับสถานการณ์พิเศษ คือทุ่มกำลังทั้งปวงไปกับการจัดการกับอิทธิพลอำนาจนอกระบบ เปิดเผยแจกแจงข้อมูลข่าวสาร ลงโทษผู้กระทำผิด แม้ด้วยอำนาจพิเศษ โดยไม่ต้องกังวลหรือหงุดหงิด หรือคอยขู่ว่าจะใช้อำนาจดังกล่าวกับสื่อ นักศึกษา นักวิชาการที่คอยวิจารณ์ คนก็จะยอมรับ การวิพากษ์วิจารณ์ก็จะเงียบลงไปเอง
ดู
‘ธีรยุทธ บุญมี’ ชี้ คสช. ควรใช้อำนาจพิเศษให้เต็มที่ ในสถานการณ์พิเศษ
http://www.prachatai.com/journal/2015/03/58588
.....................

และเมื่อรัฐประหารผ่านไป 1 ปีกว่า มีนักศึกษาถูกจับและดำเนิคดีจากการัฐประหาร จำนวนมาก ธีรยุทธ กลับไม่รรู้ร้อน รู้หนาว

15 มิถุนายน 2558

สำหรับเรื่องประชาธิปไตย “ธีรยุทธ” ตั้งคำถามว่า ประชาธิปไตยนำไปสู่ความสุขจริงหรือไม่ พาชีวิตเราไปสู่สิ่งที่ดีขึ้นจริงหรือเปล่า ?

เรื่องนี้ผมคิดว่ามีข้อถกเถียง เพราะมีตัวอย่างในประวัติศาสตร์ที่ประชาธิปไตยมาจากการเลือกตั้ง ไม่ได้ส่งผลที่ดีกับประเทศกับโลก ในบางช่วงบางสมัย เช่น ยุคฮิตเลอร์ หรือ มุสโสลินี

ผมค่อนข้างเชื่อว่า ความสุข ความดี ความยุติธรรม กับประชาธิปไตย ไปด้วยกันได้โดยเฉลี่ย ประชาธิปไตยเป็นรูปแบบการปกครอง หรือรูปแบบการเมืองการปกครองที่เกิดขึ้นเพื่อ ตอบสนอง สภาพทางประวัติศาสตร์ของการเมืองของมนุษย์ในแต่ละช่วงๆ

ฉะนั้น ในแต่ละช่วงระบบการเมืองจะต่างกันไปเรื่อยๆ เราอย่าคิดว่าระบบการเมืองอย่างใด อย่างหนึ่งจะแน่นอน ถาวร หรือเป็นคำตอบที่ดีที่สุดตลอดไป
ดู
"ธีรยุทธ บุญมี" พูดเรื่อง ปชต. รธน. และนายกฯลุงตู่ ผู้ฉุนเฉียว
http://www.isranews.org/.../item/39217-interview_580613.html

..............

นี่กระมังที่ทำให้อานันท์ ในวัย 82 ปี ยัง สามารถ เล่นการเมืองต่อไปได้
ส่วนธีรยุทธ บุญมี ในวัย 65 ปี นั้น ความไร้เดียงสา ได้ฝังตัวเองไปนานแล้วนับตั้งแต่เขาหนุนรัฐประหาร 2549