วันพุธ, กรกฎาคม 29, 2558

ครม. ตู่ ๒ ไม่ต้องห่วงไรแล้ว อย่างน้อยได้ ‘แม้ว’ ออกปาก




ครม. ตู่ ๒ ไม่ต้องห่วงไรแล้ว อย่างน้อยได้ ‘แม้ว’ ออกปาก

“บอกมา ถ้าอยากให้ไปช่วย” แก้ไขเศรษฐกิจ อดีตนายกฯ ส่งซิก

(http://www.komchadluek.net/detail/20150728/210574.html)

ถึงจะมี ‘สมคิด’ (จาตุศรีพิทักษ์) จ่อรอไว้แล้ว ก็ใช่จะดีกว่า ‘หม่อมอุ๋ย’

อย่างไรเสีย ข้าวยากหมากแพงคราวนี้เห็นทีจะฟื้นยาก หากคิดตามนักวิเคราะห์จากโซเชียลมีเดียรายนี้

Harit Mahaton เขียนไว้บนเฟชบุ๊ค ต้องลองอ่านของเขาดู

…ตอนนี้จะเปลี่ยนรัฐมนตรีเศรษฐกิจมากี่คนก็ไม่มีประโยชน์ เพราะรากของปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้เกิดจากเนื้อแท้ของกลไกทางเศรษฐกิจไทยที่ไม่ดี แต่เกิดจากปัญหาทางการทูต และการเมืองล้วนๆ ไปเอาพระเจ้าที่ไหนมาเป็น รมต. ก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น ก็ลองคิดดูว่า รายได้ประเทศ ๗๕% มาจากการส่งออก ถ้าต่างชาติเลิกคบ มาเที่ยวน้อยลง มันจะเหลือเขืออะไร

วิกฤตเศรษฐกิจเนี่ยมันเกิดจากว่า ต่างชาติเซ็งไทยมีปัญหาการเมืองมาตั้งแต่ปี ๔๘ เขาเอาเงินมาลงทุน แล้วจะศูนย์เปล่าเอา ตอนเจ๊ปูมาก็เลยไปสัญญากับเขาว่า ‘จบละ’ จากนี้ไปการเมืองไทยจะนิ่ง เดี๋ยวไทยจะลงทุนทำโครงสร้างพื้นฐานใหม่ หอบลูกหอบหลานมาตั้งโรงงานได้เลย

ปรากฎดันมีรัฐประหาร สองล้านๆ ที่โม้ไว้ก็ไม่ได้ทำ

แล้วพอเขาถามว่า "สัส มึงจะจบยังเนี่ย" พ่อทหารหัวใสก็ดันไปตอบว่า "ไม่รู้ว่ะ ถ้าไม่พอใจกูก็อาจจะรัฐประหารอีก"

ฝรั่ง-ญี่ปุ่นเลยบอกว่า โอเค มึงตีกันไป กูกู๊ดบาย ซาโยนาระ

...วิกฤติเศรษฐกิจคราวนี้จะมีหน้าตาเป็นยังไง

อย่างแรกมันคงไม่ฟ้าถล่ม โลกทลายแบบ ๔๐ หรอกครับ แต่ความยิ่งใหญ่ในวันเก่าๆ คงจะไม่กลับมาแล้ว

ต่อให้กลับมาเลือกตั้ง รัฐบาลใหม่ไปเดินสายบอกฝรั่งกับญี่ปุ่นว่า "กลับมาเถอะ ไทยสงบแล้ว" ก็คงไม่มีใครเชื่อแล้วล่ะ อินโดฯ มาเลฯ พม่า รอเขาอยู่

ดังนั้นมันคงไม่ใช่วิกฤติชั่วคราว แต่น่าจะเป็นผลระยะยาว ๕-๑๐ ปี จนกว่านักลงทุนจะลืมว่าเคยเจ๊งที่ไทยไปเท่าไหร่นั่นล่ะ

...สิ่งที่เหี้ยที่สุดของรัฐบาลนี้คือมันไม่มีแผนงานเพื่อการแก้ปัญหาห่าเหวอะไรเลย

โอเค เอาล่ะ จะบอกว่าปัญหาไม่ได้เกิดจากพวกท่าน เป็นความผิดอีปูก็ได้

สมมุติว่าเป็นแบบนั้น แต่เสร็จแล้วพวกท่านมีแผนจะแก้ปัญหาอะไรยังไงบ้าง ไม่มีใครเคยพูดเคยบอกอะไรเล้ยย

แถลงข่าวแต่ละที แทนที่จะบอกว่าจะแก้ปัญหายังไง ก็มีแต่โยนไปว่าความผิดเศรษฐกิจโลกบ้าง รัฐบาลที่แล้วบ้าง มาตอนนี้หนักกว่าเดิม รมว.คลัง แมร่งโยนให้เป็นความผิดนายกฯ ที่เป็นทหารไม่มีความรู้เรื่องเศรษฐกิจ

(https://www.facebook.com/renyongle/posts/986139348084088)




ถึงแม้คราวหน้า ก็ใช่ว่าจะหลุดรอดจาก ‘Disobedient Economy’ ดังที่ Nikkei Asian Review ฟันธงไว้เมื่อเกือบสองเดือนที่แล้วได้

“ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ความคล่องแคล่วของประเทศไทยที่ได้สมยาว่า เศรษฐกิจเทฟลอน มาบัดนี้มีรอยแตกปรากฏ และเพื่อนบ้านพากันแซงหน้าไป”

อย่างนั้นเห็นท่าจะโยนความผิดให้ชุดก่อน (ตู่ ๑) อีกแมะ นี่แหละลำแสง ‘แม้ว’ จึงได้ปรากฏไง




แม้นว่า “นางสุดารัตน์ (เกยุราพันธ์) ได้ออกมาปฏิเสธในช่วงต้นสัปดาห์ ว่าการร่วมเป็นรัฐบาลแห่งชาตินั้นไม่เป็นความจริง การที่เราเติบโตมาทางเส้นทางการเลือกตั้งเข้ามาตามกติกาประชาธิปไตย เราก็ดำรงในทางนั้นมาโดยตลอด ถ้าเราจะยุติชีวิตทางการเมืองหรือเดินต่อ เราก็คงต้องรักษาจุดยืนนี้ต่อไป"

(http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1437726784)

จริงไม่จริง แค่ไหนไม่รู้ละ แต่ขอฟัง Atukkit Sawangsuk ด้วยอีกคน

“ข่าวเจรจากับหน่อย (สุดารัตน์), ประชา (พรหมนอก) ที่เขาใหญ่ หลายคนบอกว่าเรื่องจริง แต่น่าจะไม่ใช่ตอนปรับ ครม. น่าจะเป็นการปูทางสู่เลือกตั้ง”

มิใย ภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาฯ เพื่อไทย จะออกมาสยบกระแส “ผลักดันคุณหญิงสุดารัตน์ขึ้นเป็นส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ ๑ ของพรรค ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป...

เพราะกติกาก็ยังไม่ชัด จะมีเลือกตั้งหรือไม่ก็ยังไม่รู้ ประชุมพรรคก็ยังไม่ได้ ทั้งนี้ ในฐานะที่ตนดูแลพรรคขณะนี้ขอยืนยันว่า ยังไม่ถึงเวลา”

(http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php…)

ถ้างั้นกลับไปฟังอธึกกิตอีกที

“คสช.จะต้องตัดสินใจครั้งใหญ่หลายเรื่องพร้อมกันในช่วงใกล้ๆ นี้ ปรับ ครม. ย้ายทหาร แล้วก็จะผ่านร่าง รธน.ไหม (ต้องจับตาว่าบวรสากจะแก้ รธน.อย่างไรอีกในช่วงเวลา ๓๐ วัน) ซึ่งผ่าน-ไม่ผ่าน ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอีก เพราะ คสช. ก็สั่ง สปช.ไม่ได้หมด ทำประชามติ คสช. ก็สั่งใครไม่ได้หมด เผลอๆ สลิ่มเองจะไม่ยอมให้ รธน. ผ่านเพราะอยากให้ลุงตู่อยู่นานๆ (ใจตรงกัน ๕๕๕)”

นานแค่ไหน ตอบแทนลุงตู่ได้ทันทีว่า แค่โร้ดแม็พขีดให้ เพียงแต่โร้ดแม็พลุงตู่นี่เปลี่ยนแปลงง่าย เปลี่ยนแล้วหลายหน เปลี่ยนใหม่ได้ตลอด

หากคำนวณตามที่ สนช. พีรศักดิ์ พอจิต บอกนักข่าวที่ลพบุรี โร้ดแม้พล่าสุดจะไปหยุดที่ต้นปี ๒๕๖๐ อย่างเบาะๆ

เพราะถ้าหากร่าง รธน. ผ่านม่านสลิ่มใน สปช. มาได้ตอนต้นปีหน้า (๕๙) ก็จะเข้าสู่โหมดประชามติ ที่พีรศักดิ์บอกว่า สนช. จะต้องเตรียมการ จัดพิมพ์เนื้อหาร่างฯ ส่งให้ประชาชนศึกษา ๒๘ ล้านครัวเรือน งานเยอะ ต้องเลื่อนวันลงประชามติออกไปอย่างน้อย ๑ เดือน รู้ผลตอนปลายกุมภาพันธ์ ๕๙ กว่าจะรู้เรื่องรู้ราวจัดเลือกตั้งได้ก็ปลายปี (ดีเซ็มเบอร์) ๕๙ ได้รัฐบาลใหม่ เริ่มทำงานต้นปี ๖๐

(http://www.khaosodenglish.com/detail.php?newsid=1437371207)

ถ้าถามพวกสภาพ่อลูก ไพบูลย์ นิติตะวัน สปช. เขายืนยันขอสองปีก่อนเลือกตั้ง อยากปฏิรูปเยอะๆ เทอะๆ

รวมความว่าลุงตู่ยังอยู่อีกพักใหญ่ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง (โดยเฉพาะในกรณีที่ ร่าง รธน. ไม่ผ่าน สปช. และ/หรือ ประชามติไม่ผ่าน) ดังนั้นจึงต้องเตรียมการให้ ‘อยู่ดี’ กว่าที่ผ่านๆ มาปีกว่า

โดยเฉพาะ (อีกที) ต้องมีมาดเท่ห์ๆ ในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ย้ำต้อง ‘มาด’ นะ แก้ได้แค่ไหนไม่สำคัญไปกว่า ‘มาด’ เหตุเพราะ ‘มาด’ เป็นสิ่งซึ่งทำให้ต่างชาติ และมหาอำนาจยอมรับ

มาดง่ายๆ ที่จะทำให้ต่างชาติและมหาอำนาจยอมรับ ก็คือวิถีทางประชาธิปไตย ประชาชนได้ใช้สิทธิเสียงอย่างเสรี มีการเลือกตั้งอย่างเท่าเทียมและเที่ยงธรรม และข้อสำคัญที่สุดซึ่งสากลเรียกร้องกันอย่างอึงมี่ขณะนี้ ต้องมีกระบวนการพิจารณาคดีและบังคับใช้กฏหมายที่ไม่ลำเอียง

แต่มาดง่ายๆ อย่างนั้น ‘ทำยาก’ สำหรับประเทศไตแลนเดียในสภาพที่เป็นอยู่ ดูมาและดูไปแล้วเกือบทำไม่ได้เลยเชียว “It’s not going to happen.” คนบางเหล่าตั้งแง่

แต่กระนั้นมันมีทางเลี่ยง ไม่ได้อ้อม ไม่ลงข้างลงคู แต่ว่าซิกแซ็กซอกแซกไปให้ถึงเลือกตั้ง ไปด้วยมาดไม่ยากอย่าง ‘เท่ห์ๆ’ ผสมกับ ‘ดูดี’

“This is when Thaksin comes in to play.” ใครบางทั่นไม่ได้ว่าไว้ แต่ใครไม่รู้ (คงจะ) คิดอยู่

ว่าไปแล้วใครเล่าที่เข้า-ออกประเทศโน้นประเทศนี้อย่าง ‘เท่ห์ๆ’ ถี่ยิบเท่าทักษิณ ดูไบ จีน สิงคโปร์ อังกฤษ เยอรมนี นิคารากัว รัสเซีย อาฟริกา และล่าสุดอเมริกา ถ้าหากรัฐบาล ‘ชั่วคราวยาวหน่อย’ ตั้งเขาให้เป็นที่ปรึกษา น่าจะทำให้ ‘ดูดี’ มากยิ่งกว่า ‘เสียหลาย’

แถมยังมีผลพลอยได้ในภาพลักษณ์แห่งการปรองดอง ที่ไม่เคยปรากฏให้เห็นเป็นประจักษ์เลยสักครั้งเดียว

ปัญหามีแค่ มันจะทำให้เป็นที่ขัดเคือง ขุ่นข้อง กระเทือนซางพวก ‘สลิ่ม’ และนักปฏิรูป ‘อย่าเพิ่งเลือกตั้ง’ ทั้งหลายไม่น้อย เท่านั้นเอง




ยิ่งบัดนี้พระเทพเทือกสึกออกมาแล้ว ประกาศชัดจะไปรื้อฟื้น กปปส. และจัดตั้งขบวนการอาชีวะขึ้นเป็นหลักแหล่ง

“คงทำหน้าที่เข้มข้นขึ้น ทั้งในด้านดำเนินโครงการ การจัดกิจกรรม โดยจะทำงานไม่ขัดกับกลไกการปฏิรูป และพร้อมทำงานสนับสนุนด้านภาคประชาชนทุกรูปแบบ”

(http://www.posttoday.com/analysis/report/378696)

หวังแต่ว่าจะไม่มีการผลิตศิษย์อาชีวะแบบที่เคยเป็น ‘sidekicks’ ของมือปืนป็อปคอร์น ตอนเป่านกหวีดปิดกรุงเทพฯ ออกมาอย่างผ่าเผยยิ่งกว่านวพลในอดีต

ภาพพวกอาชีวะโค่งไล่ตบผู้ขับขี่ที่ทนรอพวกเขาอัญเชิญกรวยออกไปจากช่องจราจรบนทางด่วนไม่ไหว หรือไล่ตึ๊บผู้สัญจรที่ถลำล้ำเข้าไปในเขตอโคจรลุงกำนันย่านลุมพิณี อาจเป็นที่สบอารมณ์ของ ผบ.ทบ.สมัยนั้น

แต่ว่าในขณะนี้ที่ซึ่ง International recognition เป็นคุณสมบัติขาดหายสำหรับ คสช. อุบาทว์การณ์ ‘อาชีวะเทพเทือก’ อาจกลายเป็นหอกข้างแคร่ของนายกฯ ลุงตู่ต่อไปข้างหน้าก็ได้