วันเสาร์, กรกฎาคม 01, 2560

ว้าว ข้าวไทยราคากระฉูด แต่มีคนเบรค "ไม่ได้อยู่ในมือชาวนา"

นายกสมาคมส่งออกข้าว เจริญ เหล่าธรรมทัศน์ แสดงความยินดี พล.อ. ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรฯ
ว้าว “ราคาข้าวเปลือกพุ่งกระฉูด เฉียดหมื่นบาทต่อตัน” ข่าววานนี้ (๓๐ มิถุนา) ต้องดีใจ แถมนายกสมาคมผู้ส่งออกบอก “เป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของรัฐบาลชุดนี้” ยิ่งต้องลิงโลด เพราะนี่ไม่ได้มาจากโพลนะ

แต่ว่าคำของนายกผู้ส่งออกจะช่วยให้เห็นจริง และ/หรือแปลงเป็นรูปธรรมได้แค่ไหน ต้องลงไปแตะทั้งข้อมูลและการวิเคราะห์ตีความ

ด้านข้อมูล ตามข่าว “ราคาข้าวปรับขึ้นอย่างรวดเร็ว น่าจะเป็นผลจากตลาดอิหร่าน ซึ่งเป็นตลาดข้าวสำคัญในอดีตของไทยที่หายไปร่วม ๑๐ ปีตอนนี้กลับมาซื้อข้าวไทยโดยตรงปริมาณ ๒๐๐,๐๐๐ ตันนายสมบัติ เฉลิมวุฒินันท์ ประธาน บริษัทเอเซีย โกลเด้นไรซ์ ให้รายละเอียดกับ ประชาชาติธุรกิจ

นายศุภชัย วรอภิญญาภรณ์ ประธานกรรมการ บริษัทธนสรรไรซ์ มองว่า การส่งออกไทยข้าวไทยปีนี้ไม่น่าต่ำกว่า . ล้านตันจากออร์เดอร์อิหร่านและความต้องการข้าวนึ่งและข้าวข้าวที่เพิ่มขึ้น

โดยทั่วไปการส่งออกข้าวไทยปีนี้ ช่วงมกราถึงพฤษภาราว ๔ ล้าน ๓ แสน ๘ หมื่นตัน ขยับขึ้น ๒.๔ เปอร์เซ็นต์ แต่รายได้ ๖๕ ล้านบาทกว่าๆ ลดลงนิดเดียวครึ่งเปอร์เซ็นต์

แต่เดือนพฤษภาเมื่ออิหร่านซื้อทำให้รายได้เพิ่มกว่า ๒ พันเปอร์เซ็นต์ (เกือบ ๙๐๐ ล้านบาท) “ส่งให้ราคาส่งออกข้าวไทย (ข้อมูล FAO) ปรับตัวขึ้นยกแผง สูงสุดในรอบ เดือนนับจากสิงหาคมปี ๒๕๕๙”

โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาข้าวปรับขึ้นสูงขณะนี้ก็คือ สต๊อกข้าวจากโครงการรับจำนำที่เป็นแรงกดทับมาหลายปีเริ่มจะหมดแล้ว เชื่อว่าจะระบายข้าวหมดภายในปีนี้


จนทั่น รมว.เกษตรฯ ลิงโลดขอบอกขอบใจ “ทุกภาคส่วนที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เมื่อไม่ให้รัฐต้องแบกรับค่าใช้จ่ายอีกต่อไป”

ไม่เท่านั้น พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ ได้ช่อง preaching สั่งสอนหลักการบริหารรัฐกิจ “ปัญหาที่เกิดขึ้นจึงนับเป็นบทเรียนครั้งสำคัญ ซึ่งเป็นผลพวงจากการดำเนินนโยบายประชานิยมที่ผิดพลาด”

นั่นแน่ ยังไม่ทันได้เห็นผลจริงจังเลยว่าราคาข้าวและปริมาณส่งออกเพิ่มขึ้น จะแก้ปัญหาชาวไร่ชาวนาเดือดร้อนได้จริงแค่ไหน ทั่น รมว. ลิ่วล้อ คสช. ก็อ้าปากโจมตีรัฐบาลที่แล้วอีกแล้ว เหมือนมีปมด้อยเจาะลึกในหัว

มีคนเขาเบรคเรื่องราคาข้าวขึ้นเนี่ยเอาไว้นะ ลองไปดูสิว่าเขาพูดเข้าท่าไหม พงศกร รอดชมภู อดีตเลขาฯ สมช. เขียนไว้ว่าเรื่องราคาข้าวขาขึ้น สต็อกใกล้จะหมด นี่มีข้อสังเกตุ ๓ อย่าง

หนึ่งนั้น “ข้าวทั้งปวงที่ราคาดีนี้ไม่ได้อยู่ในมือชาวนา สอง กำไรทั้งปวงที่เกิดขึ้นอยู่ในมือพ่อค้าคนกลาง (และเชื่อผมฤดูกาลหน้าเขาไม่เอากำไรมาช่วยชาวนาหรอก คงจะบอกว่าเป็นไปตามกลไกตลาดและกดราคาซ้ำเช่นที่ผ่านมา)

สาม ที่บอกว่าข้าวในสต๊อกจะขายหมด ราคาดีและใกล้หมด ตอบโจทย์นโยบายรัฐบาลยิ่งลักษณ์ว่า การรับจำนำข้าวมาเก็บไว้ แล้วหมุนเวียนขายเมื่อราคาขึ้น จากนั้นเอามาหมุนเวียนกลับมาซื้อจากชาวนาอีกนั้น มีความเป็นไปได้

อ้าว แล้วงี้ทั่นสาริกัลยะไปว่าเขาทำประชานิยมผิดพลาด ได้ที่ไหน “สิ่งที่ควรติดตาม ไม่ใช่ออกข่าวว่าราคาดีในตอนนี้ มันน่ารังเกียจ

ควรจะไปตามดูว่าพ่อค้าคนกลางที่กำไรสุดขีดวันนี้ จะกลับมาอุ้มชาวนาหรือรัฐมีปัญญาอะไรจะช่วยชาวนาในฤดูกาลต่อไปหรือไม่ครับ


ก็ไหน รมว. เกษตรคนนี้เพิ่งออกมาโอดครวญยอมรับว่าราคาผลผลิตด้านการเกษตร ทั้งราคาข้าวโพด ปาล์ม สับปะรด อยู่ในช่วงตกต่ำ”

ซ้ำแว้ดใส่ผู้สื่อข่าว “ผมไม่เข้าใจราคาสินค้าเกษตรร่วงทุกตัว ต้องมาถามผม ทำไมไม่ไปถามกระทรวงพาณิชย์ ผู้ดูแลเรื่องของราคา หรือผลผลิตปาล์ม ข้าวโพด ก็ต้องถามกระทรวงพาณิชย์ อ้อย ถามที่กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงเกษตรฯ ไม่ได้ดูแลทุกเรื่อง


เอา ก็เค้าไม่รู้ว่ากระทรวงเกษตรยุคทหารครองเมืองนี่ ไม่ดูแลเรื่องพืชผลอีกแล้ว จะไปดูเรื่องซื้อเฮลิค้อปเตอร์ รึไง สงสัยนวรรตกรรมใหม่ เกษตรดูเรื่องอาวุธ กลาโหมดูเรื่องราคายาง

เห็นเมื่อสองสามวันก่อน พวกเครือข่ายชาวสวนยางภาคใต้บุกไปถึงกระทรวงกลาโหม อ้อนป๋าตือ “แก้ปัญหาราคายางตกต่ำอย่างเป็นระบบ โดยไม่ต้องใช้วิธีแทรกแซงราคายางเหมือนที่ผ่านมา” ด้วยการใช้ ม.๔๔ เข้าขย่ม


เช่นนี้จึงต้องดูให้ถ่องแท้ว่าไอ้ราคาข้าวขึ้นเฉียบพลันเพราะบังเอิญอิหร่านกลับมาซื้ออีกนั้น มันส่งผลฉุดดึงเศรษฐกิจโดยรวมที่กำลังลงเหวไม่ให้หล่นไปถึงก้นได้ไหม

เพราะเศรษฐกิจโดยรวมมันไม่ใช่แค่ขายข้าว ยังมีด้านอื่นๆ อีกแยะ ทั้งภาคอุตสาหกรรมการผลิตและประกอบชิ้นส่วนเพื่อส่งออก และการท่องเที่ยว

เรื่องท่องเที่ยวนี่ที่ว่ายังดีอยู่เพราะมีคนจีนเข้ามาเยอะ ขณะที่นักท่องเที่ยวได้ราคาจากยุโรปและตะวันออกกลางหดหายไปแยะ โดยเหตุหนึ่งซึ่งจะทำให้หดสั้นจู๋ยิ่งกว่านี้อยุ่ที่ความรู้สึกปลอดภัยในการมาเที่ยว

ข่าวการเสียชีวิตของหญิงสาวชาวเบลเยี่ยมที่เกาะเต่าเมื่อเดือนเมษาที่ผ่านมา เมื่อเจ้าหน้าที่ไปค้นหาเจอศพถูกตัวเงินตัวทองกินเนื้อขาดวิ่นอยู่บนโขดหินที่หาดโตนด เธอเสียชีวิตระหว่างเดินทางจากเกาะพงันจะเข้ากรุงเทพฯ แต่ไม่ทราบเหตุใดขึ้นจากเรือเมื่อถึงเกาะเต่าแล้วไปเช่าบังกาโลค้างคืน

เป็นเรื่องแปลกที่บังกาโลซึ่ง เอลีส ดัลเลมาจ์น วัย ๓๐ ปี เช่าค้างแรมเกิดไฟไหม้ในคืนนั้น แล้วเธอออกเดินฝ่าป่ารกไปยังอีกฟากของเกาะเต่าแล้วหายตัวไปจนกระทั่งมีการพบศพ

ศพของเธอถูกทำการชาปณกิจ และเจ้าหน้าที่ไม่เคยเปิดเผยเรื่องนี้เลยจนกระทั่งมารดาของเอลีสเดินทางไปกรุงเทพฯ ก็ได้รับอัฐิลูกสาวจากเจ้าหน้าที่ไทย ซึ่งบอกกับเธอว่าลูกสาวผูกคอตาย

อันเป็นเรื่องพิศวงสำหรับสื่อมวลชนในยุโรป เนื่องจากผลวิจัยพบว่าผู้ที่ฆ่าตัวตายโดยการผูกคอจะเป็นเพศชายส่วนใหญ่ ผู้หญิงจะใช้วิธีกินยาหรือว่าเชือดข้อมือตนเอง


ข่าวนี้กระฉ่อนทางอินเตอร์เน็ตช่วงสองวันที่ผ่านมา เนื่องจากพบว่านักท่องเที่ยวต่างชาติผิวขาวเสียชีวิตหรือหายสาปสูญที่เกาะเต่าอย่างปริศนา ๗ รายด้วยกัน ทางการตำรวจไทยไม่มีเบาะแส ไม่มีกิริยาอาการใดๆ

จนในยุโรปให้ฉายาเกาะเต่าในไตแลนเดียว่า เกาะแห่งความตายแล้วอย่างนี้ใครมันจะอยากมาเที่ยวกันอีก