วันอังคาร, กรกฎาคม 25, 2560

นี่คือ ‘ตุลาการวิบัติ’ บีบคั้นเสียจนมันจะเกิดระเบิด จากจับพยานปากเอก ๖ ศพวัดปทุมฯ ถึงจับชาวบ้านชัยภูมิเก็บเห็ด

นี่คือ ตุลาการวิบัติ เก็บ กวาด ล้าง จะให้หมดบางในเร็ววันนี้ใช่ไหม

แหวน ณัฏฐธิดา มีวังปลา พยานปากสำคัญในคดี ๖ ศพ วัดปทุมฯ ปี ๕๓ “ถูกอายัดตัวเพื่อดำเนินคดี ตาม ป.อ.มาตรา ๑๑๒ ซึ่งมีการออกหมายจับไว้ ตั้งแต่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๕๘” หลังจากที่เพิ่งได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำหญิงกลาง เมื่อ ๒๔ กรกฎา มาหมาดๆ

คดีดังกล่าว อ้างการกระทำผิดจาก โพสต์ข้อความใน LINE เมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๕๘ ทั้งๆ ที่วันเกิดเหตุหลังจากเธอถูกควบคุมตัวโดยทหารแล้ว ตั้งแต่ ๑๑ มีนาคม ปีนั้น #คำถามคือเป็นการโพสต์ข้อความโดยผู้ใด

ส่วนคดีที่เธอได้ประกันปล่อยตัวเมื่อบ่ายวันนั้น เป็นข้อหาก่อการร้ายและอั้งยี่ (ม.๑๑๖) เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อมโยงเธอ ว่าอยู่ในเส้นทางการโอนเงิน การจ้างวานปาระเบิดอาร์จีดี ใส่ลานจอดรถศาลอาญา

ขณะที่ “แหวนก็เป็นพยานปากสำคัญในคดี ศพวัดปทุมวนาราม สำคัญขนาดที่อธิบายการตายของทั้ง คนได้แม่นยำ

เพราะเป็นพยาบาลอาสาอยู่ในเต๊นท์เดียวกับผู้ตายทั้งหลาย อยู่ห่างจาก กมนเกด อัคฮาด หนึ่งในผู้เสียชีวิตเพียง เมตร ทนายความคดีนี้บอกว่าอันที่จริงเธอคือ ผู้รอดชีวิต


อีกคน “วาสนา บุษดี ถูกอายัดตัวต่อเช่นกัน (ไปไว้ที่ สน.โชคชัย) ภายหลังได้รับการปล่อยตัวตามหมายปล่อยของศาลทหารทั้งๆ ที่ขาก็ยังไม่ได้ย่างก้าวพ้นจากเขตกำแพงเรือนจำเลย

ซึ่งคดีนั้นก็มีการฟ้องร้องดำเนินคดีไปแล้ว “แต่มีการแยกฟ้องสองคดี ซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมาย เรายืนยันต่อตำรวจว่าการจับตัวครั้งนี้ เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและเป็นการดำเนินคดีซ้ำ” ทนาย วิญญัติ ชาติมนตรี โพสต์แจ้งเหตุต่อสาธารณะบนหน้าเฟชบุ๊ค

อีกด้านหนึ่งในคดีแกนนำ พธม. ๖ คน พาพวกบุกยึดทำเนียบรัฐบาลเป็นเวลา ๙๐ วัน เมื่อปี ๒๕๕๑ ซึ่งศาลชั้นต้นตัดสินว่ามี “ความผิดฐานร่วมกันบุกรุกโดยกระทำความผิดตั้งแต่สองคนขึ้นไป และร่วมกันทำให้เสียทรัพย์กรณีบุกรุกเข้าไปในทำเนียบรัฐบาล ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓, ๙๑, ๓๕๘, ๓๖๒ และ ๓๖๕” แล้วนั้น

ศาลอุทธรณ์มาพิพากษาใหม่ “แก้โทษจำคุก” จากเดิมที่ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก ปี ให้เป็นจำคุกแค่ ๑ ปี แล้วยังลดโทษให้อีก ๑ใน คงจำคุกจำเลยทั้ง เป็นเวลาทั้งสิ้นเพียง เดือน โดยไม่รอลงอาญา


จึงช่วยไม่ได้ที่มีคนเอาไปเปรียบเทียบกับคดีของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. คดีหมิ่นประมาทนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ว่าเป็น ฆาตกรมือเปื้อนเลือด สั่งทหารยิงใช้กระสุนจริงยิงประชาชนเพื่อ กระชับพื้นที่ในเหตุชุมนุมที่ราชประสงค์ พฤษภา ๕๓ มีคนบนท้องถนนตายกว่า ๙๐ ราย

คดีนั้นศาลชั้นต้นและอุทธรณ์ยกฟ้องไปแล้ว แต่ศาลฎีกาเอามาตัดสินใหม่เมื่อสองสามวันมานี้ ให้ส่งจตุพรเข้าคุกเป็นเวลา ๑ ปี ไม่มีรีรอลงอาญา

ผู้ใช้นาม สิงหา ไพฑูรย์ถามว่า “ทำใจให้เที่ยงตรงลองไม่เข้าข้างใคร ท่านว่าระหว่างคดีหมิ่นประมาทผู้อื่น กับคดีนี้ (ยึดทำเนียบฯ) ท่านคิดว่าคดีใดน่าถูกลงโทษมากกว่ากัน”

ไม่เพียงเท่านั้น ตัว เจ้ากรรมนายเวรอภิสิทธิ์เองเพิ่งออกหน้าซัดพรรคการเมืองฟากตรงข้าม ตีความคำพูดของสมาชิกพรรคเพื่อไทยบางคนที่พูดถึงการตัดสินคดีจำนำข้าวว่า “ผู้พิพากษาไม่ได้มีแค่ คน แต่มีสิบล้านคน

ว่าเป็นการ “ข่มขู่หรือไม่ว่ามีมวลชนสนับสนุนอยู่ เพราะฉะนั้นทำผิดไม่ได้” และ “อย่าแสดงอาการอะไรที่เป็นการถูกตีความว่ากดดันศาล เป็นการเอาคนจำนวนมากมาอยู่เหนือกฎหมาย

ถ้ากลับกันเป็นอภิสิทธ์โดนข้อหานั้น ในมูลคดีเดียวกัน แต่ในศาลที่ยึดมั่นหลักนิติธรรมสากล จะคิดหรือว่าตนเป็นคน ทำผิดโดยถูกกล่าวหา ไม่ใช่ว่า “ทำผิดไม่ได้”

ฉะนั้นการตีความว่า “ข่มขู่ กดดันศาล และอยู่เหนือกฎหมาย” เพราะตนเองไม่เคยเป็นตัวแทนของเสียงข้างมากที่ถูกผู้บังคับใช้กฎหมายย่ำยี แต่มีอภิสิทธิ์เทียบเท่าผู้บังคับใช้กฎหมาย นั่นหรือ

แล้วชาวบ้าน “คนจำนวนมาก” ที่ไม่ค่อยจะได้รับความเห็นอกเห็นใจจาก กฎหมายล่ะ อภิสิทธิ์ว่าไง ตามเรื่องราวของสองข่าวนี้

“งงเด้!! คำสั่งระงับใช้น้ำเค็มเลี้ยงสัตว์น้ำ” http://www.komchadluek.net/news/regional/288947
และ “บ้านแพ้วฮือฮา! สั่งห้ามใช้น้ำเค็มเลี้ยงสัตว์ กลุ่มผู้เลี้ยงกุ้งฉุน จ่อเคลื่อนไหว https://www.matichon.co.th/news/609154

กับนี่สดร้อน ไม่ใช่เรื่องเก่าสองตายาย แต่เกิดขึ้นวันที่ ๒๔ ก.ค. ๖๐ นี้เช่นกัน #เก็บเห็ด_โดนจับ “ยึดเห็ดได้เป็นจำนวนมาก”

คนโพสต์เขาถามว่า “ทำไมบ้านเมืองเรามันอยู่ยากจังครับ...ประชาชนเข้าป่าไปเก็บเห็ดก็ผิดหรือ เขาไปเก็บเห็ดนะครับ ไม่ได้ไปขายยาบ้าไม่ได้ฆ่าคนไม่ได้ไปตัดตันไม้...

อย่าใช้แต่สันดานหรือใช้แต่อำนาจ มีอำนาจแต่ขาดปัญญา บ้าอำนาจจนขาดสติ”

เหตุเกิดที่ภูแลนคา เขตบ้านคำน้อย รอยต่อกับบ้านใหม่ผาเอียง (ชีลองเหนือ) เป็นรอยต่อของอำเภอเมือง จว.ชัยภูมิ กับอำเภอหนองบัวแดง

“ถึงฤดูกาลที่เห็ดป่าเห็ดโคนมันออก ชาวบ้านใช้เวลาในช่วงเช้าถึงสายๆ หน่อย เข้าป่าไปเก็บเห็ด บ้างก็เอามาทำกับข้าวเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย บ้างก็หามาขายเป็นรายได้เสริม...เพราะมันเป็นแหล่งอาหารของชาวบ้าน

จริงๆ แล้วชาวบ้านเขาอยู่กับป่าหาอาหารจากป่ามาก่อนที่เขตอุทยานจะเกิดขึ้นมาด้วยซ้ำ”
แต่กลับ “ถูกเจ้าหน้าที่และลูกจ้างป่าไม้อุทยานแห่งชาติภูแลนคาจับกุม ปรับ ยึด เห็ดของชาวบ้านที่เก็บมาได้ (ไม่ทราบว่าเอาไปไหน เอาไปทำอะไร)”

เช่นนี้เป็นการบีบคั้นเสียจนมันจะเกิดระเบิด เรื่องแบบนี้มันมีมาแล้วเยอะแยะในประวัติศาสตร์โลก เมื่อคนจำนวนมาก (ในนิยามตามคำของอภิสิทธิ์) ถูกกดดันจนทนไม่ได้ก็ต้องฮึดสู้ กลายเป็น ‘revolt’

ที่ภาษาไทยฝ่ายซ้ายเขาเรียกว่า ปฏิวัติมวลชน อันอยู่ฝั่งตรงข้ามและเผชิญหน้าท้าทาย ปฏิวัติรัฐประหาร