วันพฤหัสบดี, ตุลาคม 22, 2558

ว่าจะไม่สาวความยืดเรื่อง ‘หมอหยอง’ เนื่องแต่ข้อหา 112 ครอบจักรวาลไม่บ่งตรงความผิดแท้จริงของผู้ต้องหา





ว่าจะไม่สาวความยืดเรื่อง ‘หมอหยอง’ เห็นผองเพื่อนบ่นว่าไร้ substance

เนื่องแต่ข้อหา “ร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์” ครอบจักรวาลไม่บ่งตรงความผิดแท้จริงของผู้ต้องหา

แม้แต่ที่ว่า “ร่วมกันกระทำความผิดดดยมีพฤติการณ์แอบอ้าง หรือแสดงออกในลักษณะต่างกรรมต่างวาระกัน เพื่อให้ประชาชนหรือบุคคลทั่วไปเข้าใจว่า ตนเองมีความใกล้ชิดกับสถาบันเบื้องสูง และได้เรียกร้องหรือรับผลประโยชน์จากการดำเนินการดังกล่าว” ก็ยังกำกวม

หากแต่ข้อหาต่อรายที่สาม พ.ต.ต. ปรากรม วารุณประภา “มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ ไว้ในครอบครอง มี ใช้ ซึ่งวิทยุโทรคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ และตั้งวิทยุโทรคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต ปลอมเอกสารราชการและใช้เอกสารราชการปลอม...”

อันนี้ตรงกับที่ สศจ. คอมเม้นต์ไว้

“ในส่วนที่เป็นข้อกล่าวหา พ.ต.ต.ปรากรม ผมว่าออกจะ ‘ตลก’ เรื่องเขามีอาวุธปืนและวิทยุสื่อสารที่ไม่มีทะเบียนอนุญาตในครอบครองน่ะ




ปกติเรื่องแบบนี้ ตำรวจด้วยกันเองเขาสนใจหรือเอาผิดกันด้วยหรือ? แล้วต่อให้เอาผิดกันนะ เรื่องแค่นี้ต้องทำการจับแบบลึกลับแน่นหนาขนาดนี้?

พ.ต.ต.ปรากรม อย่างที่คงรู้กันแล้ว เคยถูกไล่ออกไปครั้งหนึ่ง แล้วเพิ่งได้รับกลับเข้ามาต้นปีนี้เอง มิหนำซ้ำ ยังมีหน้าที่ดูแลเล่นงานเว็บหมิ่นฯ เขาจะไปทำความผิดหมิ่นฯอะไร ที่ไหน อย่างไร? มันชอบกลมาก”

ชอบกลกว่านั้น ถ้าอ่านข่าว ‘ฯผู้จัดการ’ จะพบว่า สารวัตร ‘เอี๊ยด’ ปรากรม ผู้นี้ “เคยถูกดึงตัวมาช่วยราชการที่ กก.2 บก.ป.ได้รับมอบหมายรวบรวมข้อมูล อันเป็นที่มาของการทลายเครือข่าย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก.ในคดีหมิ่นเบื้องสูง”

(http://manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx…)




ถ้าว่าตาม สศจ. สันนิษฐานเรื่อง “ไม่มีการเปิดเผยแจกแจงออกมาว่า ‘แอบอ้าง’ อย่างไร..กรณีนี้ไม่มีเลย เหมือนกรณียัดข้อหา ๑๑๒ ให้ ‘อัครพงศ์ปรีชา’ ปีกลาย”

ทั้งที่ “ดูจากประวัติหมอหยองแล้ว ใกล้ชิดพระบรมฯมาเป็น ๑๐ ปีแล้วจริงๆ (ในปี ๒๕๕๐ เขาร่วมงานวันเกิดพระองค์ที ใกล้ชิดพระบรมฯ ปีต่อมาก็เปลี่ยนนามสกุลเป็นนามสกุลปัจจุบันที่พระบรมฯตั้งให้ - ความสัมพันธ์จริงๆ น่าจะก่อนนั้นอีกหลายปี)”

“มิหนำซ้ำ ในปีนี้ยังออกหน้ามาทำ ‘พีอาร์’ ใหญ่ให้พระบรมฯอีก ก็ดูเหมือนว่าไม่น่าจะใช่พวกนั้น แต่ขณะเดียวกัน ‘ความผิด’ หรือข้อกล่าวหาต่อเขา จริงๆก็ไม่น่าจะเพิ่งเกิดในไม่กี่เดือนนี้ พูดง่ายๆ อะไรก็ตามที่กล่าวหาว่าเขาทำ ก็คงต้องเป็นการกระทำในช่วงเดียวๆและยาวนานพอๆกันกับ ‘อัครพงศ์ปรีชา’ เช่นกัน”



แถมมีการเชื่อมโยงไปถึง “พลตรีพิสิฐศักดิ์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา ราชองครักษ์ นายทหารปฏิบัติการพิเศษ สำนักงานนายทหารปฏิบัติการพิเศษในสมเด็จพระบรมฯ พลตรีพิสิฐศักดิ์เป็นตัวแทนฝ่ายกิจการในพระองค์ ประชุม Bike for dad ร่วมกับหมอหยอง

มีข่าวลือมาตั้งแต่เมื่อวาน-วานซืนว่า เขาโดนจับพร้อมหมอหยอง และ ‘ผูกคอตาย’ (ทำนองเดียวกับที่มีนายตำรวจ ‘กระโดดตึกตาย’ ตอนกวาดล้าง ‘อัครพงศ์ปรีชา’ นั่นแหละ)”

และมี “เอกสารที่แสดงว่าเขาเสียชีวิตแล้วจริง เมื่อวันที่ ๑๙ ตุลาคมนี้...ผมไม่สามารถยืนยันเต็มที่ว่าเอกสารนี้เป็นของจริง แต่ดูๆแล้ว คิดว่าใช่...

แต่หลายวันที่ผ่านมา ทุกอย่างที่เป็น ‘ข่าวลือ’ มาก่อน ตั้งแต่เรื่องหมอหยองถูกจับ ล้วนแต่กลายเป็นความจริงในภายหลังทั้งสิ้น”

ก็เนี่ยแหละ ในบริบทแห่งสื่อมวลชน (in the context of journalism) บ่อยครั้งเราได้พบศักยะแฝงอยู่ภายในปุยนุ่น


.....

Jom Voice มีเรื่องเกี่ยวเนื่องกับ 112

นักวิชาการต่างชาติฟันธง หยุด"ม.112" ไม่เช่นนั้นแล้วจะทำให้สังคมไทยวิกฤติหนัก­ขึ้น