วันพฤหัสบดี, กุมภาพันธ์ 18, 2559

คนไทยจะทะเลาะกันมากขึ้นเรื่อยๆๆ ถ้ายังตัดสินออกมาเป็นแบบนี้ - ศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง ‘อภิสิทธิ์’-‘สุเทพ’ คดีสั่งสลายการชุมนุมปี 2553 ชี้ดีเอสไอไม่มีอำนาจสอบสวน





ที่มา FB
บีบีซีไทย - BBC Thai

ศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง ‘อภิสิทธิ์’-‘สุเทพ’ คดีสั่งสลายการชุมนุมปี 2553 ชี้ดีเอสไอไม่มีอำนาจสอบสวน

ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายกฟ้องคดีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ถูกฟ้องเป็นจำเลยที่ 1 และ 2 ในความผิดฐานร่วมกันก่อหรือใช้ให้ผู้อื่นกระทำหรือฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา จากกรณีสั่งสลายการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ตามคำสั่งศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ( ศอฉ.) เมื่อปี 2553

คดีนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษทำการสอบสวน และส่งสำนวนให้อัยการเป็นผู้ฟ้องจำเลยทั้งสอง โดยศาลชั้นต้นชี้ว่านายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ออกคำสั่งขณะดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี และ รองนายกรัฐมนตรี จึงไม่ใช่การกระทำในฐานะส่วนตัว ถือเป็นความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ทางการเมือง ต้องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. เป็นผู้ชี้มูลความผิดและยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ไม่มีอำนาจในการสอบสวน โดยศาลอุทธรณ์เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้น สั่งพิพากษายืนยกฟ้องจำเลย

ในส่วนของ ป.ป.ช. นั้น ได้ยกคำร้องขอสอบสวนกรณีนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพสั่งสลายชุมนุมเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 2558 โดยระบุว่าข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่ได้จากการไต่สวน ยังรับฟังไม่ได้ว่าผู้ถูกกล่าวหาทั้งสอง กับพวก ได้ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในการดำเนินการ ในเรื่องดังกล่าว โดยมีเจตนาเพื่อให้เกิดความเสียหายกับประชาชนผู้บริสุทธิ์ หรือเป็นผู้ก่อหรือใช้ให้มีการฆ่าผู้อื่น โดยเจตนาเล็งเห็นผลแต่อย่างใด

ooo






ooo



ที่มา
อาณาจักรไบกอน Returns




ประชาชนคงพึ่งศาลไทยไม่ได้แล้วจริงๆ

คดีสลายการชุมนุม 2553
โดยการนำของ..
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น
และ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานศูนย์ ศอฉ.

สั่งการให้มีการสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดง
ในวันที่ 10 เมษา และ 13-19 พฤษภาคม 2553

การสลายการชุมนุม ใช้มาตรการ หนักกับประชาชน
มีการใช้กระสุนจริง
ใช้อาวุธสงคราม ยิงประชาชน

ความตาย 100 ศพ
บาดเจ็บกว่า 2000 คน
พิการอีกกว่า 47 คน!

แต่ศาลไทยกลับเป็นที่พึ่งของประชาชนไม่ได้!

วันนี้ศาลอุทธรณ์ ยืนตามศาลชั้นต้น
สั่งยกฟ้อง นายอภิสิทธิ์ และ นายสุเทพ!

ผู้ที่สั่งให้มีการสังหารประชาชน

*

ในเมื่อไม่เห็นค่าของความเป็นมนุษย์
ในเมื่อไม่เห็นหัวประชาชนในประเทศ
ในเมื่อไม่ให้ความเป็นธรรมกับประชาชน
ในเมื่อไม่เห็นแก่ชีวิตและเลือดเนื้อของประชาชน

ต่อไปคดีนี้ ประชาชนในประเทศไทย คงพึ่งศาลไทยอีกไม่ได้แล้ว!!

//กู่เจิ้ง

ooo

ข่าวเก่าเล่าใหม่...



ที่มา FB 
March 4, 2015 ·


"คนตัดสินใจสลายการชุมนุม คือนายกฯ(อภิสิทธิ์ฯ) ผมอยู่ในกระบวนการรู้เห็นเท่านั้น"

คือถ้อยคำของ"ลุงป้อม" ลูกผู้ชายชาติทหารนาม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีกลาโหม คนปัจจุบัน ครับ


ทหารมีหน้าที่ปฏิบัติ ตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ดังนั้นเมื่อนายกฯสั่งการอย่างไร ทหารก็ต้องรับปฏิบัติไปตามนั้น เมื่อมีเหตุผิดพลาดประการใด ผู้สั่งการก็ควรจะเป็น"ลูกผู้ชาย"พอ ที่จะรับผิดชอบ ต่อความผิดที่เกิดขึ้น

มีคนส่งคอลัมน์ที่ "แม่ลูกจันทร์" เคยเขียนไว้มาให้ผมอ่าน เป็นคำตัดสินของศาลอาญา ในคดีสังหารหมู่ในวัดปทุมฯ ช่วงการสลายการชุมนุมกลุ่ม"คนเสื้อแดง" ซึ่งมีผู้เสียชีวิต6ศพ ตามนี้ครับ

http://www.thairath.co.th/content/362198

ในคอลัมน์ ได้เขียนถึง ผู้เสียชีวิต ได้แก่ อาสาสมัครพยาบาล, อาสาสมัครกู้ภัยป่อเต็กตึ๊ง, พนักงานขับรถสนามบิน, เกษตรชาวนา, และอาชีพรับจ้างทั่วไป ซึ่งเข้าไปหลบภัยในวัดปทุมวนาราม ซึ่งประกาศเป็น “เขตอภัยทาน”

ณ วันนี้ ได้มีคำสั่งศาลอาญา ชี้ว่าทั้ง 6 ศพเสียชีวิตเพราะถูก ทหารยิงด้วยอาวุธสงคราม ซึ่ง“แม่ลูกจันทร์” กล่าวว่า คำวินิจฉัยของศาลอาญาทำให้ความเคลือบแคลงต่างๆ ได้ข้อยุติ อย่างแจ่มแจ้งชัดเจน โดยสรุปหลักฐาน และเหตุผลต่างๆ ได้ 7 ประเด็นดังนี้

1, เหตุการณ์นี้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 3 นาย ที่อยู่บนชั้น 12 ของอาคารสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งถ่ายคลิปไว้เป็นหลักฐานยืนยันว่า หน่วยทหารที่อยู่บนรางรถไฟฟ้าบีทีเอส ใช้ปืนยิงไปที่กลุ่มผู้ชุมนุมในวัดปทุมวนาราม

2, ผลการผ่าพิสูจน์ศพผู้ตายทั้ง 6 ราย พบกระสุนปืนเอ็ม 16 ตรงกับอาวุธปืนประจำกายของทหารกองพันจู่โจมที่ปฏิบัติการบนรางรถไฟฟ้าบีทีเอส

3, ข้ออ้างว่ามีชายชุดดำ 2 คนยิงปืนก่อน ทหารจึงต้องยิงสวนกลับไป ข้อเท็จจริงขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางวัน มีผู้สื่อข่าวไทยและต่างประเทศอยู่เป็นจำนวนมาก แต่กลับไม่มีภาพชายชุดดำที่กล่าวอ้างแม้แต่ภาพเดียว

ประกอบกับเจ้าหน้าที่ทหารที่ประจำการในจุดใกล้เคียงได้เบิก ความว่า ไม่พบชายชุดดำในบริเวณดังกล่าวเลย

4, หากมีชายชุดดำอยู่จริงคงไม่ปล่อยให้ทหารยิงฝ่ายเดียวนานถึง 40 นาที อีกทั้งทหารที่ประจำการบนรางรถไฟฟ้าบีทีเอสเบิกความยอมรับว่า ไม่มีชายชุดดำในวัดปทุมวนาราม

5, พยานที่อ้างว่ามองเห็นปืนในกลุ่มผู้ชุมนุมไม่มีน้ำหนักรับฟัง เนื่องจากตรวจพบว่าทหารได้พาพยานปากนี้ไปรับเงินในค่ายทหารแห่งหนึ่งก่อนนำตัวไปให้ตำรวจสอบปากคำ

6, การตรวจเขม่าปืนในมือผู้ตาย ทั้ง 6 ศพ ไม่พบคราบเขม่าดินปืนและไม่เกี่ยวข้องกับการใช้อาวุธปืน

7, การอ้างว่าตรวจพบอาวุธปืนในวัดปทุมวนาราม หลังจากการยุติการชุมนุมผ่านไปเป็นเวลานานหลายเดือน เป็นข้อพิรุธขาดนํ้าหนักให้ศาลเชื่อได้ว่า มีอาวุธปืนสงครามในวัดจริง

สรุป...ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าผู้เสียชีวิต 5 ราย ตายเพราะถูกทหารกองพันจู่โจม กรมรบพิเศษที่ 3 ที่ประจำการอยู่บนรางรถไฟฟ้าบีทีเอสยิงถึงแก่ความตาย

ส่วนผู้เสียชีวิตอีก 1 ราย ถูกทหารสังกัดกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 31 ที่ประจำการบนถนนพระรามที่ 1 ยิงถึงแก่ความตาย

ทั้งหมดที่สรุปข้างต้นคือความจริง 7 ประการ ที่ศาลอาญาได้มอบความยุติธรรมให้แก่เหยื่อคดีสังหารหมู่วัดปทุมฯ ครบถ้วนทั้ง 6 ราย

“แม่ลูกจันทร์” ขอประทานกราบเรียนท่านคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ โปรดนำความจริงก้อนนี้ไปต้มรับประทานแก้อาการประสาทชา

ปล.นักข่าวไปถามอดีตนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ว่าศาลอาญาได้ชี้แล้วว่าผู้เสียชีวิต 6 ศพ วัดปทุมฯ ถูกทหารยิงตาย

“อภิสิทธิ์” ตีหน้าหล่อตอบว่าศาลระบุว่ากระสุนปืนมาจากฝั่งทหาร ยังไม่ยืนยันแน่ชัดว่าเป็นฝีมือใครยิง

อืมม์...ลีลาแบบนี้เค้าเรียกว่าแถทะลุซอย.

“แม่ลูกจันทร์”
--------------------

วันนั้น"ลุงป้อม"เป็นผู้ใต้บังคับบัญชา ซึ่งต้องปฏิบัติตามคำสั่งของอดีตนายกรัฐมนตรี ที่ชื่ออภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

วันนี้"ลุงป้อม" คือพยานปากเอก ที่จะชี้ให้เห็นได้ว่า ใครกันแน่คือผู้สั่งการฯ ตกลงจะเป็นความผิดของ "แถทะลุซอย" หรือเป็นความผิดของ "ทหารชั้นผู้น้อย ผู้ใต้บังคับบัญชา"

คนไทยทั้งประเทศ รอคำตอบอยู่ครับ