วันจันทร์, ตุลาคม 31, 2559

สืบสานปณิธานประชาธิปไตย 'ลุงนวมทอง ไพรวัลย์' ชมรมผู้รักประชาธิปไตยแห่งรัฐอิลลินอยส์ทำบุญรำลึกถึง ลุงนวมทอง เนื่องในโอกาสการจากไป 10 ปี (31 ตุลาคม 2549)






ชมรมผู้รักประชาธิปไตยแห่งรัฐอิลลินอยส์ถ่ายรูปแสดงเจตนารมณ์วันงานปาฐกถา อ.ปวิน หัวข้อเรื่องไทยกับรัชกาลที่ 10: การเปลี่ยนแปลงของเครือข่ายอำนาจสถาบันกษัตริย์ และผลกระทบต่อประชาธิปไตย ณ นครชิคาโก สหรัฐอเมริกา 29 ตุลา 2559

.....


ทำบญ  'ลุงนวมทอง ไพรวัลย์'  ณ วัดลาวพุทธสามัคคี นครเอลจิน 30 ตุลา 2559







ooo

พันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ อ่านจดหมายลุงนวมทอง

 

https://www.youtube.com/watch?v=BW106vS-7Uw

ooo

จดหมายลาตายของนวมทอง ไพรวัลย์ ลงวันที่ 29 ตุลาคม 2549





(เนื้อความในจดหมาย)

เทิดทูนชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ รัฐทหาร และ รัฐตำรวจ (ต้องไม่มี)

สวัสดีครับท่านพี่น้องประชาชนที่เคารพ เหตุที่กระผมทำการพลีชีพเป็นครั้งที่ 2 โดยการทำลายตัวเองเพื่อมิให้เสียทรัพย์เหมือนครั้งแรกก็เพื่อลบคำสบประมาทของท่านรองโฆษก คปค.ที่สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์หลายฉบับว่า "ไม่มีใครมีอุดมการณ์มากขนาดยอมพลีชีพได้"

เหตุพลีชีพครั้งแรกของผมยอมรับว่าคำณวนความเร็วของรถแท็กซี่ผิดพลาด รถถังที่จอดลานพระบรมรูปทรงม้าติดด้านหัวถนราชดำเนินนอก เมื่อผมขับรถผ่านกองบัญชาการทัพบกพ้นหัวถนนและเกาะกลางถนนเพื่อพุ่งเข้าชนเพื่อหักเลี้ยวแบบตัว S ความเร็วจึงลดลงมากเพราะต้องการชนแบบประสานงา

ผมจึงแค่บาดเจ็บสาหัส ซี่โครงหัก 5 ซี่ ตาซ้ายบวมช้ำคางทะลุถึงภายในช่องปาก รักษาตัวโรงพยาบาลวชิรฯ มีคณะของคุณครูประทีป ฮาตะ และคณะอื่นๆ มาเยี่ยมหลายคณะและมีผู้สื่อข่าว นสพ. มาขอสัมภาษณ์ว่า ไม่พอใจหรือที่ปฏิรูปแล้วบ้านเมืองสงบสุข ไม่มีการนองเลือด ผมตอบไปว่าใครทำผิดกฎหมายและก่อความไม่สงบก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ที่ผ่านมามีเบื้องหลังเบื้องลึกมากมาย ตอนนี้ก็เปิดหน้ากากออกมาจนเกือบหมดแล้ว เป็นการตบหน้าประชาชนอย่างไม่อาย. แต่ไม่เห็นเป็นข่าวรวมทั้งข่าวของผมที่ชนรถถังเพื่อประท้วง คปค. ลงข่าว นสพ. วันเดียวเงียบหายไปเลย ผมรักษาตัวที่โรงพยาบาลวชิรฯ 13 วัน คุณหมออนุญาตให้กลับมาพักฟื้นที่บ้านและนำ นสพ. ที่เสนอข่าวชนรถถังประท้วงคปค. ของผม พบคำสัมภาษณ์ท่านรองโฆษก ใน นสพ. ตรงกันหลายฉบับด้วยถ้อยคำที่กล่าวมาข้างต้นและยังปรามาสว่าผมแก่แล้ว คงทำด้วยอารมณ์ชั่ววูบ ก็มีเวลาเอาสีมาพ่นข้อความรอบตัวรถยังคิดว่าอารมณ์ชั่ววูบ ไม่น่าให้ทำงานและกินเงินเดือนที่ได้มาจากภาษีของประชาชนเลย.

ความคิดผม เมื่อหายป่วยดีก็จะทำมาหากินขับรถ TAXI ไม่ก่อวีรกรรมอีกต่อไป แต่พบข้อความการให้สัมภาษณ์ นสพ. ของท่านรองโฆษก คปค. ในเชิงปรามาสดังกล่าวก็เลยต้องสนองตอบกันหน่อย เพราะนิสัยคนไทยฆ่าได้แต่หยามไม่ได้ และเหตุผลที่ผมเลือกวันสุดท้ายของเดือนตุลาคมเป็นวันพลีชีพเพราะเดือนนี้เป็นเดือนที่วิญญาณของวีรชนที่สถิตอยู่ที่อนุสรณ์สถานฯ ที่ผมทำการพลีชีพนี้ได้เรียกร้องกระทั่งได้มาซึ่งประชาธิปไตย และวิญญาณของผมก็จะสถิตอยู่กับเหล่าวีรชนแห่งนี้ตลอดไป และขอยืนยันว่าปฏิบัติการทั้งสองครั้งทำด้วยใจ ไม่มีใครจ้าง

สุดท้ายขอให้ลูกๆ และภรรยาจงภูมิใจในตัวพ่อ ไม่ต้องเสียใจ ชาติหน้าเกิดมาคงไม่พบเจอการปฏิวัติอีก

ลาก่อน พบกันชาติหน้า

ปล. ขอแก้ข่าว ขวดยาที่พบในรถภายหลังเกิดเหตุคืออาหารเสริมแคปซูลใบแปะก๊วยไม่ใช่ยาแก้เครียดตามที่ลงข่าว นสพ. ผมไม่เครียดแต่ประท้วงจอมเผด็จการ

สวัสดีครับ

29 ตุลาคม 2549
(นายนวมทอง ไพรวัลย์)