วันศุกร์, ตุลาคม 28, 2559

ผลสำรวจ (ปี 2557) ชี้ชาวนาไทยจนที่สุดในอาเซียน + ชาวนาไทย "โดนทั้งขึ้นทั้งล่อง"





ผลสำรวจชี้ชาวนาไทยจนที่สุดในอาเซียน


21 กรกฎาคม 2557

ที่มา https://morning-news.bectero.com/economy/21-Jul-2014/21490

เผยผลสำรวจชาวนาไทยยากจนที่สุดในอาเซียน ขณะที่ชาวนาพม่า มีกำไรสูงกว่าชาวนาไทยถึง 1 เท่าตัว


ผลสำรวจจากศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลวิเคราะห์ข้าวไทยในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนว่า ขณะนี้กำไรสุทธิต่อไร่ของชาวนาไทยอยู่ในระดับที่ต่ำสุดของชาวนาในกลุ่มประเทศอาเซียน โดยผลศึกษามีดังนี้ ชาวนาไทยมีกำไรสุทธิที่1,555.97 บาทต่อไร่ ต่ำกว่าชาวนาพม่าที่มีกำไรสุทธิ 3,484.1 บาทต่อไร่ และเวียดนามมีกำไรสุทธิ 3,180.74 บาทต่อไร่ เนื่องจากต้นทุนการผลิตของชาวนาไทยสูงกว่าประเทศอื่นๆอย่างมาก






ซึ่งจากตัวเลข จะเห็นว่าแม้ว่าชาวนาไทยจะมีรายได้มากที่สุดและที่ดินเฉลี่ยก็จะเยอะที่สุดก็ตามแต่ปัญหาคือชาวนาไทยมีต้นทุนสูงสุด ทำให้เมื่อหักต้นทุน จะมีเงินเหลือน้อยกว่าชาวนาเพื่อนบ้าน

ooo

ชาวนาไทย "โดนทั้งขึ้นทั้งล่อง"

ผมติดตามราคาข้าวเปลือกของฤดูกาลผลิต 2559/2560 ซึ่งจะมีปริมาณข้าวออกสู่ตลาดในช่วง 2-3 เดือนนี้ประมาณ 22-25 ล้านตัน ราคาข้าวเปลือกเจ้าและหอมมะลิเหลือตันละ 5-6,000 บาท จากที่ชาวนาเคยขายได้ในราคาตันละ 15,000-20,000 บาท ตามนโยบายการแทรกแซงตลาดของพรรคเพื่อไทย ทำให้ชาวนาต้องขาดทุนเพราะต้นทุนการผลิตตกตันละประมาณ 10,000 บาท เป็นผลให้เงินของชาวนาหายไปประมาณ 250,000 ล้านบาท เงินจำนวนนี้จะเข้าไปหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพื่อซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคอีกหลายรอบทำให้กำลังซื้อหายไปไม่น้อยกว่าหนึ่งล้านล้านบาท จึงไม่ต้องสงสัยว่าเหตุใดเศรษฐกิจของไทยจึงแย่และไม่มีทางจะฟื้นตัว

สิ่งที่น่าเศร้าไปกว่านั้นคือรัฐบาลนี้ได้เอานโยบายการช่วยเหลือเกษตรกร มาเป็นเครื่องมือทำลายพรรคเพื่อไทยและผู้เกี่ยวข้องแต่กลับไม่ได้หามาตรการอื่นมาทดแทน ทิ้งให้เกษตรกรซึ่งยากจนและเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศต้องเผชิญกับปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำตามยถากรรม มีอคติจนลืมไปว่าการดูแลเกษตรกรไม่ใช่การสงเคราะห์ แต่เป็นการสร้างกำลังซื้อให้กับคนส่วนใหญ่อันเป็นมาตรการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าไปในระบบเศรษฐกิจเพื่อให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย ซึ่งไม่ต่างจากที่รัฐบาลนี้ทำโดยการอัดเม็ดเงินเข้าไปที่หมู่บ้านละ 250,000 บาท แต่ได้ผลน้อยกว่าการช่วยเหลือเกษตรกรเพราะคนได้ประโยชน์อยู่ในวงจำกัด จึงเกิดปรากฏการณ์ที่คนไทยต้องขนเงินออกไปลงทุนต่างประเทศเพราะมองไม่เห็นอนาคต

นอกจากการทำลายล้างฝ่ายตรงข้ามแล้ว รัฐบาลยังปิดหูปิดตาประชาชนโดยรองนายกฝ่ายเศรษฐกิจแสดงความโกรธเกรี้ยวผู้ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์เศรษฐกิจไทยที่กำลังแย่ อ้างว่าประเทศไทยอยู่ในช่วงเศร้าโศรกและอ่อนไหวไม่ควรใช้จังหวะนี้ออกมาพูด แต่รัฐบาลกลับออกมาโฆษณาชวนเชื่อสร้างความสับสนให้ประชาชนได้แทบทุกวัน ที่แย่ไปกว่านั้นคือการอ้างกฎหมายจัดการกับคนที่ไม่มีทางสู้ กรณีหัวหน้ารัฐบาลออกคำสั่งทางปกครองเรียกร้องให้นายกยิ่งลักษณ์ชำระค่าเสียหายจากการดำเนินนโยบายช่วยเหลือชาวนา แต่นิรโทษกรรมตัวเองและพรรคพวกไม่ต้องรับผิดชอบไว้ล่วงหน้า ครั้นพอมีชาวนาเห็นใจจะบริจาคเงินช่วยเหลือนายกยิ่งลักษณ์ที่ถูกดำเนินคดีโดยไม่เป็นธรรม กลับถูกทหารเรียกพบและบุกถึงบ้านทั้งที่เป็นสิทธิและเสรีภาพของชาวนา ช่างกล้าหาญและสง่างามจริงๆ ท่านพลเอกแห่งกองทัพไทย

วัฒนา เมืองสุข
พรรคเพื่อไทย
28 ตุลาคม 2559

ที่มา FB

Watana Muangsook

ooo

ผมเกิดในยุคที่ขายข้าวเปลือก 30 กิโล ถึงจะซื้อสตาร์บั๊คได้แก้วนึง

มิตรสหายท่านหนึ่ง