วันเสาร์, มิถุนายน 10, 2560

แบบนี้ทั้งนั้นพวกที่ 'อำนาจแบ่งกันครอง' ไม่ว่าจะเป็นทหารหรือตุลาการ

ตะหานยุคครองเมืองนี่ ถึงอย่างไรก็ไม่ยอมทิ้งสันดานก้าวก่าย เที่ยวไปเยี่ยมบ้านคนโน้นคนนี้ไม่หยุดหย่อน วันก่อนไป ‘กวนใจ’ คุณแม่ของหนู ‘ลูกเกด’ วันวานไป ‘กวนตน’ แกนนำพรรคเพื่อไทย

กรณีลูกเกด หรือชลธิชา แจ้งเร็ว สมาชิก 'กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย' ทหาร ๔-๕ คนไปที่บ้านพอดีเธอไม่อยู่ เลยบอกกับมารดาว่า ต้องการทำความเข้าใจกับเธอเรื่องที่มี ‘เอ็มโอยู’ ไว้กับคณะยึดอำนาจว่าจะไม่คลื่อนไหวการเมือง จะไม่เดินทางไปต่างประเทศ

ชลธิชาบอกกับ ‘ประชาไท’ ว่าเอ็มโอยูนั้นตั้งแต่ปี ๒๕๕๗ ให้ไว้เมื่อทหารขอเวลาทำตามโร้ดแม็พ “มันไม่น่าจะมีสภาพบังคับแล้วนะ...ตอนนี้มันเลยเวลาตรงนั้นมาแล้ว”

กรณีอดิศร ทหารไปพบแค่สิบนาฑี บอกว่าเจ้านายให้ไปเยี่ยมเยียน “ถามว่าบ้านเมืองเป็นอย่างไร ผมตอบว่าให้ไปถามทหาร เศรษฐกิจเป็นอย่างไรให้ไปถามแม่ค้าในตลาด ฝากความคืดถึงไปยังเจ้านาย ให้ปกครองบ้านเมืองให้ดี”

นายอดิศรสันนิษฐานว่าเหตุที่จู่ๆ ทหารไปเยี่ยมน่าจะมาจากที่เขาเขียนกลอนแปะเฟชบุ๊ค วิพากษ์เรื่องทหารยศนายพันปิดถนนมิตรภาพสองเลนที่ขอนแก่น เพื่อให้แขกเหรื่อพิธีวิวาห์ของตนได้จอดรถหน้างาน


(จากข่าว “ทหารไปบ้านชลธิชา แจ้งเร็ว บอกแม่ขอพบลูกเพราะต้องการให้หยุดเคลื่อนไหวทางการเมือง” http://prachatai.org/journal/2017/06/71827 กับ “อดิศร งงเด้ ทหารรุดเยี่ยมถึงบ้าน” http://www.banmuang.co.th/news/politic/82727)

ต่อไปจะ 'กวน' อะไรกับใครเมื่อไหร่ได้ทั้งนั้น ถามสลิ่มนัก ‘ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง’ ดูได้ เมื่อตอนช่วยกันเป่านกหวีดกวักมือเรียกให้ทหารเข้ามาครองเมือง คงเห็นหน้าทะเล้นยักคิ้วหลิ่วตา ดีใจกันนักหนานึกว่าเซ่อจูงได้

ถึงตอนนี้สามปีผ่านไป รอเลือกตั้งเดี๋ยวก็มา แต่ว่าปฏิรูปค่อยเป็นค่อยไป คสช. ช่วยดูให้ ๒๐ ปีคงรู้เรื่อง

มิหนำซ้ำทั้งที่หน้าตาทั่นผู้นัมพ์ถึงจะดูไม่ฉลาด (as per Deep Blue Sea @WassanaNanuam Jun 7) แต่ข้างในใจเหี้ยมหาญถึงขั้น ‘เชือดคอ’

แบบนี้ทั้งนั้นพวกที่ 'อำนาจแบ่งกันครอง' ไม่ว่าจะเป็นทหารหรือตุลาการ

เมื่อวาน (๙ มิถุนา) ศาลทหารกรุงเทพฯ มีคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒ ให้จำคุกนายวิชัย (สงวนนามสกุลเพื่อไม่ให้เกิดความเดือดร้อนแก่ญาติพี่น้อง) ในความผิดฐานหมิ่นประมาทกษัตริย์ ๑๐ กรรม กรรมละ ๗ ปี รวมแล้ว ๗๐ ปี

แต่ศาลลดหย่อนผ่อนโทษให้เหลือครึ่งเดียว “๓ ปี กับ ๖๐ เดือน” ไม่ใช่ด้วยความกรุณาปราณีอันใด หากแต่เป็นไปตามธรรมเนียมคดียัด ๑๑๒ เมื่อผู้ต้องหาเปลี่ยนใจยินยอมรับสารภาพ หลังจากที่ถูกขังคุกแช่ดองเป็นเวลานานไม่มีท่าทีว่าจะได้เริ่มคดีเมื่อไร ให้รู้ว่าถ้าขืนสู้คดีนี้ไม่มีชนะ

จึงเป็นข่าวไปทั่วโลกว่า “คดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพฯ มักจะตัดสินกันอย่างเป็นความลับ สื่อก็ถูกบีบบังคับให้เซ็นเซอร์ตัวเองอย่างหนัก ไม่กล้าเสนอรายละเอียดอะไร ด้วยความกลัวโดนชี้ผิดจากการตีความกฎหมายนี้อย่างครอบจักรวาล”

(ข่าวเอเอฟพีรายงาน เช่นเดียวกับเอเชียนคอเรสปอนเด๊นซ์ https://www.yahoo.com/news/thai-man-jailed-35-years-defaming-royals-facebook-063250487.html โดยเก็บเนื้อหามาจากรายงานของสำนัก ‘iLaw’)

รายงานของ ‘ไอลอว์’ ระบุว่าวิชัยถูกกล่าวหา “โพสต์ข้อความและภาพรวมสิบข้อความลงบนเฟซบุ๊ก ที่ใช้ชื่อและรูปภาพของบุคคลอื่น โดยมีเจตนาจะกลั่นแกล้งบุคคลอื่น"

เบื้องต้นวิชัยให้การปฏิเสธ เขาถูกคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพตั้งแต่ถูกจับกุมตัวเมื่อปลายเดือนธันวาคม ๒๕๕๘

"จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ จึงมีนัดสืบพยานนัดแรก แต่พยานโจทก์กลับไม่มาศาล การสืบพยานจึงถูกเลื่อนออกไปอีกครั้งเป็นเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๐”

คดีวิชัยนี้ถ้า คสช. สงสัยทำไมสื่อตะวันตกถึงให้ความสนใจมากนัก ต้องไปอ่านโพสต์ของ Somsak Jeamteerasakul (จึงจะไม่งงอย่างเจ๊เล็ก ขอนแก่นซีฟู้ด)

ว่าการตัดสินคดีนี้ “ต้องเป็นวัฒนธรรมป่าเถื่อนขนาดไหนหนอ จึงตัดสินจำคุกคน ๓๕ (๗๐) ปี เรื่องความผิดในลักษณะหมิ่นประมาท คือความผิดเพียงการใช้วาจาเท่านั้น?

คงประมาณวัฒนธรรมแบบเดียวกับที่สมัยหนึ่งจับคนเผาทั้งเป็นเพราะสงสัยเป็นแม่มด” (‘witch-hunt’)

ในวันเดียวกันศาลตัดสินคดีหมิ่นกษัตริย์อีกราย ผู้ต้องหาเป็นช่างตัดสูทจากเชียงรายถูกฟ้องมาตรา ๑๑๒ ตั้งแต่ปี ๒๕๕๗ “จากการอัพโหลดคลิปเสียงรายการวิจารณ์การเมืองของ 'บรรพต' ขึ้นบนเว็บฝากไฟล์ 4share เพื่อให้ผู้อื่นโหลดไปฟัง”

แม้นายเฉลียว (สงวนนามสกุล) จะยอมรับสารภาพในศาลชั้นต้น ศาลตัดสินให้จำคุก ๑ ปี ๖ เดือน และให้รอลงอาญา แต่ต่อมาอัยการเห็นว่าน้อยไปจึงอุทธรณ์ขอเพิ่มโทษ ศาลก็เลยตามใจ ตัดสินให้จำคุก ๕ ปี ลดโทษกึ่งหนึ่งเหลือ ๒ ปี ๖ เดือน

และยกคำสั่งรอลงอาญา แต่ว่ายอมให้ประกันตัวปล่อยชั่วคราวไปเตรียมการฎีกา แต่ก็ปลอดการจองจำได้ไม่นาน ก็มีคำพิพากษาฎีกายืนตามศาลอุทธรณ์ให้กลับเข้าคุกดังเดิมอีก ๒ ปี ๖ เดือน

สำนักงานสิทธิมนุษยชนสหประชาชาติกล่าวว่า ‘ตลึงงัน’ กับการตัดสินครั้งนี้ของศาลไทย” ข่าวเอเอฟพีระบุ

และยังแถลงประณามอย่างทางการ ต่อการที่ภายใต้การปกครองของคณะรัฐประหาร มีการดำเนินคดีหมิ่นกษัตริย์เพิ่มขึ้น”

แสดงว่านานาชาติเขาไม่ต้องการอ้อล้อกับประเทศเผด็จการทหาร (ไทย) แห่งเดียวที่ยังเป็นซอมบี้อยู่ในประชาคมโลก