วันจันทร์, กรกฎาคม 10, 2560

ดราม่าเกิ๊น ทหารปฏิรูปตำรวจ 'เบี้ยรองบ่อน' โพลว่าไม่สำเร็จ

เนชั่นพาดหัวซะดราม่าเกินกว่าเนื้อแท้ข้อมูล “ประชาชนส่วนใหญ่ไม่เชื่อปฏิรูปสำเร็จ” อ้างเนื้อหาจากโพลสวนดุสิตว่า ๕๔ เปอร์เซ็นต์ของผู้สำรวจเห็นว่า “การปฏิรูปตำรวจคงจะสำเร็จได้ยาก ต้องจริงจัง และทุกฝ่ายให้ความร่วมมือ”

ที่จริงข้อสรุปที่ว่ามาจากการตอบคำถามหลากประเด็นโดยคนกลุ่มหนึ่งราวพันคน ที่โพลเอาคำตอบไปรวมในผลสรุปเรียงกัน อันเป็นวิธีออกแบบสำรวจรวบรัดเกินไป ทำให้ผลสำรวจขัดแย้งกันบ่อยครั้ง และไม่อาจใช้เป็นเครื่องชี้แนะอย่างสมจริงได้

แม้นว่าผลดุสิตโพลที่ออกมา เมื่อถามว่าประชาชนคิดอย่างไร อันดับหนึ่ง ๗๗.๔๕ % “เห็นว่าควรปฏิรูปมานานแล้ว เป็นปัญหาที่สะสมมานาน”

กระนั้นก็ดี เมื่อนำผลอันดับสี่มาเป่าลมให้พองเพื่อใช้พาดหัวเรียกความสนใจ ก็เลยสะท้อนอารมณ์ชั่วยามของผู้คนที่แสดงปฏิกิริยาต่อการแต่งตั้ง พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ เป็นประธานคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจ

โดยประกอบด้วย “ข้าราชการตามตำแหน่ง ๕ คน และมีคณะกรรมการอีก ๓๐ คน โดยแบ่งเป็นข้าราชการตำรวจ ๑๕ คน และไม่ใช่ตำรวจอีก ๑๕ คน รวม ๓๖ คน”


เสียงวิพากษ์ส่วนมากบอกว่า ตั้งทหารมาปฏิรูปตำรวจมันจะได้เรื่องอะไร ทหารจะรู้ดีเท่าตำรวจเองได้หรือ และตำรวจที่ได้เข้าไปร่วมวงหาใช่พวกที่อยู่กับปัญหา หรือรู้เห็นเหตุการณ์ดีพอที่จะทำให้การปฏิรูปถูกจุด

ข้อนั้น เครือข่ายประชาชนปฏิรูปตำรวจ (Police Watch) ซึ่งแบ่งภาคมาจากกลุ่มปฏิรูปพลังงานและภาคประชาสังคม รณรงค์เรื่องนี้มาตั้งแต่เอาชนะระบอบทักษิณด้วยอิทธิฤทธิ์ คสช. บอกไว้ในแถลงการณ์ของพวกตนว่า

การรับฟังความคิดเห็นความต้องการของประชาชน รวมทั้งตำรวจชั้นผู้น้อยและพนักงานสอบสวน ควรเป็นกระบวนการที่ต้องกระทำเป็นวาระแรก ก่อนที่จะเริ่มร่างกฏหมายให้มีการปฏิรูป

กลุ่มนี้ยังเห็นแย้งย้อนรอยกรอบการทำงาน ๒-๓-๔ ของ พล.อ.บุญสร้างด้วยว่า “ขอเสนอสูตร -- คือ

เดือนแรก ศึกษาข้อมูลและงานวิจัยต่างๆ พร้อมเปิดรับฟังความเห็นจากประชาชน รวมทั้งตำรวจผู้น้อยและพนักงานสอบสวน ส่วนอีก เดือน จัดทำร่างกฎหมาย  เดือนสุดท้ายรับฟังความเห็นเพิ่มเติม ปรับแก้ไขในส่วนที่บกพร่อง

ประเด็นหลักสำหรับการปฏิรูปน่าจะเห็นพ้องต้องกันตามดุสิตโพล ๘๒ เปอร์เซ็นต์ ให้จัดการเรื่องทุจริตคอรัปชั่น รับส่วยและสินบน รองลงไป ๗๕ เปอร์เซ็นต์ให้แก้ไขปัญหาสองมาตรฐาน คนรวยหลุดง่าย คนจนโดนคุก

ตามด้วยอันดับสาม ปราบการซื้อขายตำแหน่ง ค่าน้ำชาสำหรับการแต่งตั้งโยกย้ายเป็นแสนเป็นล้านที่ ๖๕%เห็นด้วย กับเรื่องรายได้ตำรวจน้อยเกินไปความเป็นอยู่ลำบาก ๖๐% เห็นควรต้องปฏิรูปเรื่องนี้

ซึ่งก็มีความเห็นจากรักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ แจงไว้น่าจะฟัง “ว่าถ้าปฏิรูปการแต่งตั้งโยกย้ายสำเร็จ ทุกอย่างจะดีหมด โดยไม่ต้องปฏิรูปอะไรต่อ...

ตำรวจไม่มีขวัญและกำลังใจในการทำงาน เพราะมีการโยกย้ายไม่โปร่งใสและไม่เป็นธรรม...และอย่าให้เรื่องเงินทองมาเกี่ยวข้อง ถ้าแต่งตั้งโยกย้ายเป็นธรรม ไม่ข้ามหัวกัน ไม่ข้ามห้วย ก็จะไม่เกิดปัญหาต่างๆ ขึ้น

รักษาการ หน. เพื่อไทยไม่วายวิจารณ์การตั้งทหารมาปฏิรูปตำรวจด้วยว่า “ไม่เชื่อว่าทหารมานั่งคุมแล้วจะปรับปรุงเรื่องนี้ได้สำเร็จ
 
ต่างกับคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ที่ คสช.ตั้งเข้าไปนั่งสภาขับเคลื่อนการปฏิรูป (สปท.) ที่ “ขอรอดูผลงาน ไม่วิพากษ์วิจารณ์ก่อน

แต่มองว่า รัฐบาลอาจมีการตั้งธงการทำงานบางอย่างไว้แล้ว เพราะไม่ยินดีที่จะนำข้อเสนออื่นที่เป็นประโยชน์มาร่วมด้วย


ต่อกรณีที่พูดกันว่า ตำรวจ (ชั้นผู้น้อยมักจะ) ยากไร้ ก็ปะเหมาะพอดีมีโพสต์บนเว็บพันทิปที่แชร์กันระรัวให้ดราม่าได้อีก ประมาณว่าตำรวจยากจนถึงขั้นเครื่องแอร์ทำความเย็นบนโรงพักแห่งหนึ่ง ต้องหยอดสตางค์ถึงจะทำงาน

ตอนแรกเราก็งงๆ คุณตำรวจถามว่ามีเหรียญห้าไหม เรามีเลยแลกให้ และคุณตำรวจก็เอาไปหยอดเพื่อให้แอร์ทำงาน” ผู้ใช้นาม littleflowers9’ เล่าความ

ส่วนที่ติดแอร์หยอดเหรียญในภาพ เป็นส่วนให้บริการประชาชนค่ะ ลงบันทึกประจำวัน รับเรื่องราวร้องทุกข์ กล่าวโทษ และสารพัดเรื่อง

เรา งง มากว่าทำไมค่าแอร์ถึงไม่รวมอยู่ในค่าสาธารณูปโภคของหน่วยงาน ประเทศไทยยากจนขนาดต้องใช้แอร์หยอดเหรียญ


อย่างนี้นี่เอง เขาถึงพูดกันเกร่อว่าตำรวจยุค คสช. ก็แค่ เบี้ยรองบ่อน เท่านั้นละ