วันเสาร์, กรกฎาคม 08, 2560

ลงทุน ๒ แสน ๘ หมื่นล้าน ผลตอบแทนติดลบ ๒ แสน ๒ หมื่นล้าน "ไม่รู้จะต้องสร้างหาพระแสงของ้าวอันใด" รถไฟไทย-จีน

ไม่มีที่ไหนในโลก ทำได้แต่ในไตแลนเดียยุค คสช. เรืองอำนาจเท่านั้น โครงการเดินรถไฟไทย-จีน กรุงเทพฯ-โคราช ที่จะเข้าสู่ ครม. ในวันที่ ๑๑ กรกฎาคมนี้ ให้อนุมัติ

ผ่านการศึกษาตามหลักวิชาการหมดแล้ว แม้นว่าสภาพัฒน์ฯ จะยกนิ้วผ่าน แต่ผลสรุปของโครงการถ้าเดินหน้า “มีแต่เจ๊งกับเจ๊ง” เท่านั้น

(ขอบคุณรายงานของ ผู้จัดการออนไลน์ https://manager.co.th/SpecialScoop/ViewNews.aspx?NewsID=9600000069003)

“ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจและการขนส่ง ระบุถึงเอกสารที่กระทรวงคมนาคมนำเสนอผลการศึกษาเส้นทางรถไฟสายนี้พบว่า EIRR ซึ่งหมายถึงผลตอบแทนในการลงทุนส่วนของรถไฟจะอยู่ที่ร้อยละ 0

ขณะที่ผลตอบแทนโครงการพัฒนาพื้นที่รอบสถานีที่ระบุไว้ สถานี ประกอบด้วย บางซื่อ ดอนเมือง อยุธยา สระบุรี ปากช่อง และนครราชสีมา ร้อยละ รวมทั้ง โครงการจะมีผลตอบแทนร้อยละ .๕๖”

ทั้งที่ “ตามเงื่อนไขที่สภาพัฒน์กำหนดไว้ EIRR ต้องมากกว่า ๑๒%”นั่นละทำให้ ผู้จัดการ ฟันม่านว่าเจ๊งกับเจ๊ง

ไม่เพียงเท่านั้น ประมาณการผู้โดยสารเมื่อเปิดให้รถไฟวิ่งในปี ๒๕๖๔ อยู่ที่เที่ยวละ ๕,๓๑๐ คน/วัน และจะเพิ่มเป็น ๑๖,๖๒๐ ในปี ๒๕๗๔ กับ ๒๖,๘๓๐ ในปี ๒๕๙๔

โดยที่จะต้อง “ใช้งบในการลงทุนรวม ๒๗๙,๔๑๓ ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการรถไฟ จำนวน ๑๗๙,๔๑๓ ล้านบาท ส่วนงบในการพัฒนารอบสถานีอยู่ที่ ๑๐๐,๐๐๐ ล้านบาท

ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าจะเอางบประมาณมาจากไหน ตีเช็คเปล่าตั้งงบประมาณแผ่นดินล่วงหน้าให้ลูกหลานไปตามเช็ด (ใช้หนี้) เมื่อบรรดาคนที่ออกนโยบายนี้ ตายห่ หมดแล้ว

หรือว่า “กู้ในประเทศด้วยการออกพันธบัตร” ซึ่งก็อีหรอบเดียวกับตั้งงบประมาณล่วงหน้า เพราะลูกหลานจะเป็นคนไปใช้หนี้พันธบัตรอยู่ดี ในขณะที่คนก่อหนี้ (รัฐบาลชุดที่ออกพันธบัตร) ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอีกยี่สิบสามสิบปีข้างหน้า จะมีช่องทางดีแค่ไหนให้คนมารับช่วงแกะดินพอกหางหมูที่พวก คสช. ก่อไว้

ทางเลือกสุดท้ายสำหรับหาเงินมาจ่ายโครงการรถไฟเร็วปานกลางไว้สร้างภาระให้ลูกหลานนี้ คือกู้จากจีนด้วยดอกเบี้ย ๒ เปอร์เซ็นต์ จะเอาเท่าไหร่จีนไม่อั้น ยินดีให้กู้ไปละลายน้ำเล่น เขารู้ว่า คสช. ชอบเล่นแบบนี้

เพราะว่า ที่น่าสนใจที่สุดจากผลการศึกษา คือผลตอบแทนภายใต้ระยะเวลาการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ ๓๕ ปี

กลับพบว่าโครงการรถไฟไทย-จีนไม่มีผลตอบแทนด้านการเงิน หรือ FIRR เนื่องจากไม่สามารถประเมินได้ ขณะที่มูลค่าปัจจุบันสุทธิ (NPV) (อัตราส่วนลดร้อยละ .๕๓) อยู่ที่ติดลบ ๒๒๐,๑๙๗ ล้านบาท

ไม่ต้องแปลกใจมนุษย์ที่ไหนลงทุนใหญ่โตด้วยเงินยืมที่รู้แน่ว่าตนเองไม่ต้องเป็นคนชดใช้ ซ้ำร้ายรู้แน่กว่าว่าทำไปแล้วขาดทุนแหงๆ ก็มีแต่ คสช. ณ ไตแลนเดียนี่ละ

“แหล่งข่าวอธิบายว่า ที่ผ่านมาการใช้อำนาจตามมาตรา ๔๔ ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นเพียงการเข้าไปปลดล็อกปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ที่เป็นผลให้โครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ที่ต้องหยุดชะงักไม่เป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ สามารถดำเนินการต่อไปได้

ใช้ ม.๔๔ นี่มันง่ายเสียจนไม่ต้องดูตาม้าตาเรืออะไร ขอเพียงปลดล็อกให้งานเดินได้ งานที่จะเดินไปสู่หายนะนี่นะ แม้จะอ้างยุทธส่ง (เดช) ยุทธสาดดด ก็ฟังไม่ขึ้น

ที่ว่าจะเชื่อมต่อเส้นทางสายไหมอะไรนั่น (โรตีสายไหมไม่ว่า)

จะมีใครสักคนไหมใน ครม. ชุดสวมหัวนี้ ที่เงี่ยฟังเขาอภิปรายกันที่ มธ. เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว เรื่อง อนาคตประเทศไทย ภายใต้รถไฟจีน ม.๔๔

สุภลักษณ์ กาญจนขุนดี ผู้สื่อข่าวอาวุโส หนังสือพิมพ์ The Nation พูดไว้ นอกจากจะบอกว่าดีลเรื่องรถไฟจีนนี่ของไทยห่วยที่สุดในหมู่อาเซียนเลยเชียวแล้ว

เขายังบอกด้วยว่า ไอ้เส้นทางโคราชที่หมายมุ่งว่าจะต่อขึ้นเหนือไปเจอกับรถไฟจีน-ลาวนั้น บ่มี้ไก๊ไม่ได้ทำให้หวังเห็นภาพพัฒนาการคมนาคมแผนใหม่อะไรเลย เพราะรถไฟลาวที่จีนจะสร้างลงใต้ไม่ใช่รถไฟฟ้าความเร็วสูง แค่ระบบรางคู่ธรรมดา

แล้วที่คุยกันนักหนาว่าจีนต้องการเส้นทางนี้เพื่อออกทะเลก็ไม่ใช่อีก เพราะจีนมีเส้นทางออกทะเลสายอื่นอยู่แล้ว โดยเฉพาะการออกสู่มหาสุทรอินเดียผ่านพม่า ซึ่งจีนวางรางรถไฟวิ่งจากคุนหมิงไปถึงชายแดนแล้ว

หากได้เส้นทางผ่านลาวเข้าหนองคายลงไปถึงมาบตาพุดด้วยก็โอเคสำหรับจีนในการนำสินค้าของตนออกสู่อ่าวไทย แต่ก็ได้แค่สองสามประเทศ จะให้กว้างกว่านั้นต้องอ้อมมลายูไปมหาสมุทรอินเดีย

(อ่านรายละเอียดคำอภิปรายของสุภลักษณ์ได้ที่ https://www.prachatai.com/journal/2017/07/72270)

ท้ายที่สุดเส้นทางกรุงเทพฯ-โคราช ที่ คสช.ประเคนให้จีนทั้งยวง (ไหนจะใช้ ม.๔๔ ยกเว้นกฎระเบียบต่างๆ ให้จีนเข้ามาดำเนินการอย่างสะดวก ค่าจ้างแพงกว่าใครๆ ได้คุณภาพปานกลาง อีกทั้งจะต้องเป็นหนี้ดอกเบี้ยระบม)

ก็ไม่ได้สร้างเผื่อมูลค่าเพิ่มในการขนส่งสินค้า (สงสัยกลัวสลิ่มด่าเหมือนสมัยยิ่งลักษณ์) จะเป็นเพียงขนส่งผู้โดยสารเท่านั้น ดังตัวเลขข้างต้นจำนวนจิ๊บจ้อย


สรุปได้ว่าเส้นทางรถไฟไทย-จีนนี่ไม่รู้จะต้องสร้างหาพระแสงของ้าวอันใด คสช.ไปเป็นหนี้บุญคุณอะไรทางการจีนเขาไว้หรือเปล่าล่ะ