วันพฤหัสบดี, พฤศจิกายน 30, 2560

“กำขี้ดีกว่ากำตด” คำคมสำหรับ ปชป. ร่วมรัฐบาลกับ คสช.นายกฯ คนนอก

วุ้ย จิ้มลิ้ม น้องเกี่ยวก้อย ของกลาโหม เปิดเบิ่งซิงซิงเมื่อวานเพื่อการปรองดอง ใครไม่รู้ตาไวเอาไปเปรียบกับขุ่นแม่ผ่องพรรณทันใด (เขาหมายถึงความงามของใบหน้านะเพ่)

น้องคนนี้เป็นลูกหม้อ คสช.โดยแท้ เป็นสัญญลักษณ์ที่คณะทหารจัดตั้ง เดิมทีมีนายกฯ ตูบเป็นประธาน ตอนนี้มอบให้พี่ตือรับงานแทน โดยแยกกรรมการออกเป็น ๔ ชุด เริ่มจากรับฟังความเห็นให้ปลัดกลาโหมคุม ฟังแล้วต้องรวบรวมความเห็นด้วย ชุดนี้ให้ ผบ.สูงสุดนำทีม จากนั้นก็ต้องไปร่างสัญญาประชาคมออกมา งานนี้ให้ ผบ.ทบ.จัดการ เสร็จแล้วทำประชาสัมพันธ์ จึงใช้โฆษกกลาโหมดำเนินงาน (รายละเอียดได้มาจากเพจ Wassana Nanuam)
โฆษกกลาโหม พลโทคงชีพ ตันตระวาณิชย์ แจงว่าแผนงาน “เตรียมการสร้างสามัคคีปรองดอง” ของ คสช. ยังเดินหน้าไม่ได้หยุด แต่ขณะนี้ถึงไหนแล้วทั่นไม่เห็นบอก เท่าที่เราๆ ท่านๆ ได้เห็น มีแต่ที่จาตุรนต์ ฉายแสง ออกมาพูดตรงกับนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ เรื่องมองหาอุโมงก์ให้สองพรรค พท.-ปชป. รวมหัวชิงเลือกตั้ง จะได้ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลได้

พลันตัวเต็งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รีบปฏิเสธทันที “กล่าวทักท้วงไปยังพรรคการเมืองให้คำนึงถึงการเดินหน้าเข้าสู่ความเป็นประชาธิปไตยก่อนการเลือกตั้ง มากกว่านำเสนอให้พรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์จับมือร่วมตั้งรัฐบาล”


เท่านั้นแหละ น้องม้าร์คเอาบ้าง “นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยผ่านไลน์ว่า ทุกคนในพรรค รวมทั้งคุณนิพิฏฐ์ ยืนยันตรงกันว่าอุดมการณ์ไม่ตรงกันก็ร่วมกันไม่ได้

ก่อนหน้านี้นายจุติ ไกรฤกษ์ เลขาธิการพรรคแทงกั๊กชักลึก “ไม่สามารถพูดได้ในตอนนี้ เพราะยังไม่รู้ว่าพรรคเพื่อไทยจะมีนโยบายอย่างไร ยังกอดคนเผาบ้านเผาเมืองไว้หรือไม่ จะเคารพกฎหมายหรือไม่ และจะมีใครเป็นหัวหน้าพรรค ถ้าเป็นนายพานทองแท้ ชินวัตร ก็คงรับไม่ได้”


เลยถึงที วัฒนา เมืองสุข พันธุ์แท้เพื่อไทยปีกซ้ายทักษิณ สวนให้ “ธาตุแท้ของคนพรรคนี้ที่ไม่เคยเปลี่ยน ทั้งสร้างภาพ เอาดีใส่ตัวและไม่เคยให้เกียรติผู้อื่น มิได้สำนึกว่าที่บ้านเมืองเสียหายครั้งนี้ เกิดจากคนของพรรคออกมาเป่านกหวีดเปิดทางให้ทหารออกมายึดอำนาจ”

ไม่เท่านั้น นายวัฒนาย้ำด้วยว่า “หัวหน้าพรรคจึงกล้าประกาศว่าพร้อมจะร่วมงานกับหัวหน้า คสช. สอดรับกับอดีตเลขาฯ พรรคที่จะสนับสนุนให้หัวหน้า คสช. เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป”


นั่นดูจะเป็นมูลเหตุหลักที่จะทำให้พรรคประชาธิปัตย์และเพื่อไทยไม่มีทางจับมือกันได้ ใครจะว่า “ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวรในทางการเมือง” ก็ตามที

ในกรณีของนายอภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตย์ขณะนี้ เห็นชัดว่ามุ่งหมายที่จะร่วมรัฐบาลหลังเลือกตั้งกับนายกฯ คนนอกและ คสช. มิใยที่จะมีการทำนายทายทักจากนักวิจัยทีดีอาร์ไอบางคนว่า หลังเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคเพื่อไทยยังมีหวังจะได้ส.ส. จำนวน ๓๐๐ ขึ้นไป

ถึงกระนั้นเงื่อนงำในรัฐธรรมนูญและกฎหมายเลือกตั้งใหม่ โดยเฉพาะพรรคทหาร ๒๕๐ คนในวุฒิสภา ยากที่จะมีพรรคใดได้คะแนนเสียงท่วมท้นพอจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ ความหวังของพรรคประชาธิปัตย์ในการได้ร่วมรัฐบาลด้วยอาณิสงค์ของคณะทหารอีกครั้งจึงเป็นเป้าหมายเหมาะสมที่สุดแล้วสำหรับพรรคการเมืองที่อดอยากปากแห้งมานานเกือบสองทศวรรษ

ทว่าเวลาอีกหนึ่งปีหรือกว่านั้น คณะทหารซึ่งครองเมืองมาเกือบจะสี่ปีจะเหลืออะไรไว้ให้แก้กระหายได้บ้างเล่า

ดูจากรายงานของ ไอสเปชเมื่อวาน อ้างถึงการประชุม ครม.สัญจรที่สงขลาซึ่งข่าวกระหึ่มเรื่อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตวาดใส่ชาวประมงผู้ไปดักร้องเรียนที่ตลาดปลาปัตตานี หากแต่ภายในการประชุมที่สงขลามี “การแก้ระเบียบปลดล็อกการใช้งบประมาณองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ที่มีสะสมกว่า ๑.๕ แสนล้านบาท”

รายงานระบุว่า ตามปกติ อปท.มีรายได้รวมอยู่ที่ ๓๑๘,๐๐๐ ล้านบาท นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจคิดหาเงินทางลัด เสนอผ่านกระทรวงมหาดไทยให้ขอชักจากกระเป๋าขององค์กรท้องถิ่น ดดยพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา จัดการนำเข้า ครม. และผ่านมติแล้วเรียบร้อย

รายงานยังพาดพิงประเด็น รัฐตูดขาด “การใช้จ่ายงบประมาณของรัฐบาลทหารตลอด ๓ ปี กว่า ๘ ล้านล้านบาท ไม่ทำให้เศรษฐกิจของประเทศโตขึ้นเลย แม้รัฐบาลจะพยายามปรับแก้ตัวเลขจีดีพีขนาดไหน ก็แทบจะรั้งท้ายประเทศในภูมิภาคอาเซียนนี้”

รวมความ “คงเห็นแล้วว่ารัฐบาลทหารผลาญงบประมาณของประเทศไปมหาศาลแค่ไหน ที่เราเห็นๆคุ้นๆเช่น การผลาญเงินประกันสังคม และยังจะผลาญต่อไปถึงองค์กรปกครองท้องถิ่นอีก น่าสนใจว่าจะไปผลาญที่ไหนต่อ”

คนละเรื่องเดียวกัน รายงานของ เดอะแม้ทเตอร์สามปียุคลุงตู่ จ่ายเงินเดือนข้าราชการเพิ่ม ๘ หมื่นล้าน แถมเคยปูนบำเหน็จคนทำงาน คสช. มาแล้ว ๓ รอบ”

นั่นคือ “ค่าใช้จ่ายบุคลากร หรือพูดง่ายๆ ว่า ‘เงินเดือนข้าราชการ’ (เฉพาะของรัฐบาลกลางและกลุ่มส่วนราชการ ไม่รวมถึง อปท. รัฐวิสาหกิจ และธนาคารของรัฐ) ซึ่งพบว่า

จากเดิมซึ่งอยู่ที่ ๘.๐๕ แสนล้านบาทในปี ๒๕๕๗ มาเป็น ๘.๔๙ แสนล้านบาทในปี ๒๕๕๘ และเป็น ๘.๘๕ แสนล้านบาทในปี ๒๕๕๙ หรือเพิ่มขึ้นมากถึง ๘ หมื่นล้านบาท ในระยะเวลาเพียงสามปีที่ คสช. ขึ้นมามีอำนาจ

และ “มีข้อสังเกตว่า ครม. ที่ พล.อ.ประยุทธ์นั่งหัวโต๊ะ เคยมีมติเลื่อนขึ้นเงินเดือนเป็นกรณีพิเศษ (๒ ขั้น) เพื่อเป็นบำเหน็จให้กับผู้ปฏิบัติงานของ คสช. ไปแล้ว ๓ ครั้ง ระหว่างปี ๒๕๕๘๒๕๖๐”


นี่เป็นการเพิ่มค่าใช้จ่ายในภาครัฐในขณะที่ขาดดุลงบประมาณต่อเนื่องมาสามปี ยังไม่มีสัญญานกระเตื้องที่แน่นอนจริงจัง แล้วยังปีหน้าจะมีการขึ้นค่าโดยสารขนส่งมวลชน ยกแผงทั้งรถไฟฟ้า ทางด่วน มอเตอร์เวย์ อีกระนาว

สำหรับรถไฟฟ้าใต้ดินจะมีการปรับขึ้นอีก ๑ บาท จาก ๒๒ บาทเป็น ๒๓ บาทเฉพาะในเส้นทางระยะสั้น ส่วนบีทีเอสยังตรึงราคาอยู่เท่าเดิม แต่ค่าผ่านทางด่วน “มีแนวโน้มจะปรับขึ้น ๒ สาย” ทั้งขั้นที่ ๑ และขั้นที่ ๒ เพิ่มขึ้นราว ๕-๑๐ บาท

ด้านค่าผ่านทางมอเตอร์เวย์กรุงเทพฯ-ชลบุรี ปัจจุบันอยู่ที่ ๖๐ บาท ปีหน้าจะปรับเป็น ๑๐๕ บาท แต่ก็ปลอบใจด้วยของแถม คือถ้าวิ่งต่อจากชลบุรีถึงพัทยา ระยะ ๔๒ ก.ม. ฟรี นอกนั้นราคาปกติ


เหล่านี้จึงเป็นสิ่งน่าห่วงอย่างยิ่งสำหรับพรรคประชาธิปัตย์ในการร่วมรัฐบาลกับ คสช. หลังเลือกตั้งครั้งหน้า โดยมีทหารหรือคนของทหารมาเป็นนายกฯ คนนอก ดังกล่าวแล้วว่าถึงตอนนั้นจะเจอแต่เศษของเสียทหารถ่ายทิ้งไว้เต็ม

แต่ก็เนอะ ปลอบใจได้ด้วยคำคมที่ ‘the fool on the hill’ พูดไว้ “กำขี้ดีกว่ากำตด” 

มาแล้วมาสคอตร "น้องเกี่ยวก้อย" มาปรองดอง หน้ายังกะ ผ่องพรรณ จันทร์โอชา (มีคนเค้าว่า...)




https://www.youtube.com/watch?v=qLlpvgWpqlg

กลาโหมเปิดตัว น้องเกี่ยวก้อย สัญลักษณ์สร้างความปรองดอง หน้ายังกะ ผ่องพรรณ จันทร์โอชา

Freedom Thailand
Published on Nov 29, 2017

กลาโหมเปิดตัว น้องเกี่ยวก้อย สัญลักษณ์สร้างความปรองดอง หน้ายังกะ ผ่องพรรณ จันทร์โอชา ตูนี้ลั่นเลย

...



จะตาสว่างดี หรือตาขยิบดี หรือจะตาเหล่ดี





21:20 ปล่อยตัวแกนนำเทพาออกมาแล้ว

(สำนักข่าวหงวน จัดให้)



#เลิกแล้วจ่ะ !๚


Sa-nguan Khumrungroj


ooo


กลับมา Free Pai ตามเดิม

งงๆกับกรณีเทพานี่เหมือนกันว่า ทำไมมันถึงตกลงกันได้รวดเร็ว เหมือนมี "แผนซ้อนแผน" ปล่อยเบี้ย เอาไว้กินขุน ตรงข้ามกับคดีของ "กลุ่มประชาธิปไตยใหม่" และ "ไผ่ ดาวดิน" ที่ไม่ได้เป็นพวก "นั่งร้าน" ให้ คสช.เข้ามามีอำนาจ

แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก เพราะเป็นการแสดงในสิ่งที่ถูกต้อง Do the right thing การชุมนุมเพื่อ "สิทธชุมชน" ต้องมีความเข้าใจร่วมกันว่าไม่ใช่อาชญกรรม ก็หวังว่าจะได้แนวร่วมเช่นนี้เสมอ เมื่อมีการชุมนุมเพื่อ "สิทธิชุมชน และสิ่งแวดล้อม" ในภาคอื่นๆ ที่ไม่ใช่ภาคใต้

เรื่อง Do the right thing ที่ว่านี้ ก็ไม่ทราบว่าจะมีกวีและนักเขียนชาวใต้มาร่วมขบวน Free Pai และ "นักโทษทางความคิด" คนอื่นๆ เพื่อเป็นไปตามเป้าประสงค์ปรองดองของ "น้องเกี่ยวก้อย" บ้างหรือไม่

" ตาสว่าง" แล้ว ก็หวังอยากให้สว่างเต็มตา ไม่ใช่ครึ่งตา







สุชาติ สวัสดิ์ศรี


วิสัยผู้นำแคนาดา.... We were wrong. We apologize. I am sorry. We are sorry.’ — Justin Trudeau’s apology to the Canadian LGBTQ+ community




พรรคทหารของจริงมีอยู่แล้วคือ 250 เสียงในสภา... “สุรชาติ บำรุงสุข” ผ่าโครงสร้าง พรรคทหารใหม่ และ “สูตรการเมือง” หาก “พล.อ.ประยุทธ์” คิดจะนั่งเก้าอี้นายกฯ สมัยที่ 2 (ประชาชาติธุรกิจ)





ผ่าโครงสร้าง พรรคทหารใหม่ อำนาจที่ 4 บีบรัฐบาลเป็ดง่อย


29 พฤศจิกายน 2560
ที่มา ประชาชาติธุรกิจ


สัมภาษณ์


เมื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถูกเขย่าตำแหน่งใหม่อีกครั้ง กลายเป็น ครม.ประยุทธ์ 5 ในจังหวะที่ความศรัทธาของประชาชนที่มีต่อรัฐบาล และตัวผู้นำ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” กำลังลดระดับ

“สุรชาติ บำรุงสุข” นักรัฐศาสตร์ด้านความมั่นคงเชี่ยวชาญการทหาร จากรั้วจามจุรี วิเคราะห์ว่า การปรับ ครม.ครั้งนี้ไม่ต่างจาก “เก้าอี้ดนตรี”

พร้อมทั้งทำนาย “สูตรการเมือง” หาก “พล.อ.ประยุทธ์” คิดจะนั่งเก้าอี้นายกฯ สมัยที่ 2

Q : มองโฉมหน้าการปรับ ครม.ประยุทธ์ 5 อย่างไร


ไม่ได้ต่างอะไรจากเดิม เพราะกระทรวงหลัก ๆ ยังเป็นคนเดิม หรือสลับไปสลับมา การปรับ ครม.รอบนี้ไม่ค่อยต่างอะไรกับเก้าอี้ดนตรี หมุนไป หมุนมา สิ่งที่ประชาชนคาดหวังคือความสามารถที่เพิ่มมากขึ้น ต้องตามดูในอนาคตว่า ครม.ชุดใหม่จะบริหารประเทศมีประสิทธิภาพมากขึ้นเพียงใด โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งยังเป็นทีมเดิม

Q : การเอาทหารออกบางส่วน และเติมพลเรือนเข้าไป บอกนัยอะไร

เป็นความพยายามในการรักษาภาพลักษณ์ของรัฐบาล เพราะระยะหลังถูกวิจารณ์ค่อนข้างมากว่า บุคลากรจากกองทัพที่เข้ามานั่งเป็นรัฐมนตรีอาจไม่สามารถทำงานได้เท่าที่ควร โดยเฉพาะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ) แต่การเอาทหารบางส่วน เช่น ตำแหน่งรองนายกฯออก ไม่ได้กระทบอะไรมาก เพราะตัวรัฐมนตรีจริง ๆ แทบจะอยู่เป็นปกติ

Q : ไม่ได้ปรับ ครม.เพื่อหวังผลถึงการเลือกตั้งปีหน้า

ถ้าจะหวังผลถึงปีหน้า เชื่อว่านายกฯจะปรับมากกว่านี้ ที่ปรับไม่ค่อยต่างจากเดิม จริง ๆ ไม่ปรับก็ได้ แต่การปรับแบบนี้จะสร้างแรงกระเพื่อมทางการเมืองมากกว่า โดยเฉพาะสิ่งที่จะเกิดคือความคาดหวัง ถ้า ครม.ชุดนี้ต้องแบกไปถึงเลือกตั้ง

หลายคนคิดว่า ครม.ปรับช่วงสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง แต่ผมไม่แน่ใจเพราะการเลือกตั้งจะเกิดปลายปี”61 หรือต้นปี”62 ต้องตระหนักว่า 1 ปีของการเมืองไทยยังมีอะไรที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เพราะถ้าเชื่อว่าการปรับครั้งนี้เป็นการปรับก่อนการเลือกตั้ง นั่นหมายถึงว่า คสช.หวังที่จะสร้างผลงานเพื่อทำให้การเลือกตั้งนำคะแนนมาให้กับตัว แต่เอาเข้าจริง การปรับแบบตัวบุคคลอย่างที่เราเห็นจะสร้างผลงานของรัฐบาลได้มากน้อยเพียงใด





Q : มองได้ไหมว่าเป็นการปรับเพื่อเรียกเรตติ้งรัฐบาลที่กำลังตกต่ำ

ของจริงคือการลดแรงกดดัน หรือการปรับ ครม.ครั้งนี้เป็นการซื้อเวลา พยายามสร้างภาพลักษณ์ ครม.ต่างจากเดิมนิดหนึ่ง หรือหวังภาพลักษณ์ ครม.ประยุทธ์ 5 จะดีกว่าเดิมขึ้นหน่อย แต่ไม่เห็นชัดเจนว่า ครม.ชุดใหม่จะผลักดันนโยบายแบบจริงจัง

Q : ถ้าจะฉุดเรตติ้งขึ้นจริง ๆ จะต้องปรับแบบไหน


ไม่กล้าตอบ ขึ้นกับรัฐบาลมองปัญหาอย่างไร แต่ที่เวลาเห็นคนเรียกร้องหลายฝ่ายอยากเห็นการปรับรัฐมนตรีเกษตรฯ อยากเห็นการปรับนโยบายเศรษฐกิจ แต่การปรับแบบเก้าอี้ดนตรีไม่ได้ตอบอะไร

Q : การขยายอำนาจทหารผ่านรัฐธรรมนูญ ส.ว.แต่งตั้ง 250 คน พ.ร.บ.ยุทธศาสตร์ชาติ แผนปฏิรูป จะล็อกให้ คสช.ชนะเลือกตั้งได้ไหม

ขณะนี้มีการสร้างอำนาจพิเศษ 3 ส่วน คือยุทธศาสตร์ 20 ปี ส.ว. 250 คน ที่กลายเป็นพรรคทหาร 250 คนโดยโครงสร้างรัฐธรรมนูญ กับการขยายบทบาทและอำนาจของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ผ่านคำสั่ง 51/2560 เป็นการขยายบทบาทอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

แต่เดิมการขยายบทบาทของ กอ.รมน.เกิดขึ้นในสงครามคอมมิวนิสต์ แต่ในปัจจุบันไม่มีสถานการณ์สงครามรองรับพอที่จะทำให้ กอ.รมน.ขยายบทบาทและอำนาจอย่างที่เห็น เว้นแต่ฝ่ายทหารเชื่อว่า กอ.รมน.ทำหน้าที่ต่อสู้กับสงครามการเมืองที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

Q : กลไกต่าง ๆ จะทำให้ คสช.ได้เปรียบการเลือกตั้งหรือไม่


เรื่องได้เปรียบการเลือกตั้งเรื่องหนึ่ง แต่สิ่งที่เป็นปัญหาคือการวางมรดก3 ส่วนของ คสช.คือ ยุทธศาสตร์ 20 ปี พรรคทหารในวุฒิสภา และคำสั่ง คสช.51/2560 จะทำให้การเมืองในอนาคตถูกล็อกอยู่กับที่ด้วยอำนาจของฝ่ายทหาร ถ้าเป็นอย่างนี้ กอ.รมน.แทบจะเป็นรัฐบาลใหม่อีกชุดหนึ่ง เนื่องจากคำสั่งให้สำนักงบประมาณจัดงบฯให้กับการทำแผนของ กอ.รมน. และกำลังจะกลายเป็นซูเปอร์กระทรวง เป็นรัฐบาลน้อย ๆ หรือรัฐบาลย่อยในการเมืองไทย

Q : คสช.จะไปตั้งพรรคทหารหรือไม่ เมื่อมีกลไกที่ได้เปรียบ


พรรคทหารของจริงมีอยู่แล้วคือ 250 เสียงในสภา แม้ว่าไม่ต้องตั้งพรรคทหารรัฐบาลในอนาคตมีปัญหาแน่ ๆ แต่ถ้ารัฐบาลยังมีกลไกที่ 4 คือ มีพรรคทหารเพิ่ม รัฐบาลจากการเลือกตั้ง แม้ชนะเลือกตั้งแต่ก็อยู่ในสภาพเป็ดง่อย บริหารประเทศไม่ได้

Q : พรรคทหารถูกใช้มาหลายครั้งและล้มเหลว ทำไมยังตกทอดถึงปัจจุบัน


เป็นความคิดปกติที่สุดของทหาร ที่เชื่อว่าเมื่อการเมืองเปิดแล้วผู้นำทหารที่มีอำนาจอยู่อยากเล่นการเมือง เนื่องจากเล่นการเมืองในระบบปิดแบบเดิมไม่ได้ ต้องมีพรรคทหารเป็นตัวรองรับ

Q : การขยายอำนาจมากขนาดนี้สามารถเทียบได้กับประวัติศาสตร์ช่วงไหน


เทียบลำบาก แต่อาจใกล้เคียงกับยุคจอมพลถนอม กิตติขจร ความพยายามปัจจุบันเหมือนดึงการเมืองไทยกลับไปสู่ยุคก่อน 14 ตุลา 2516 หลังจากจอมพลถนอมร่างรัฐธรรมนูญเสร็จ เปิดการเลือกตั้ง ในปี 2511 และนำมาสู่การกำเนิดพรรคสหประชาไทย ตัวแบบทหารในอนาคตถ้าจะเกิดใกล้เคียงกับพรรคสหประชาไทย

ในขณะที่พรรคสามัคคีธรรมอาจเทียบได้ไม่ต่างกัน แต่ต่างจากตัวแบบของจอมพล ป. และจอมพลสฤษดิ์ เพราะตัวผู้นำยังอยู่ในอำนาจและลงมาเล่นการเมืองตรง ๆ

Q : ทำไมพรรคทหารในอดีตมักชนะเลือกตั้ง ก่อนจะล้มเหลว


ชนะเลือกตั้งแล้วจะประสบความปั่นป่วน เพราะต้องเผชิญกับข้อเรียกร้องหลาย ๆ อย่าง ประสบการณ์ในอดีตเป็นเหมือนกับการรวมพรรคเล็กที่แตกออกไป ท้ายที่สุดผู้นำทหารจะคุมพรรคทหารเหล่านี้ไม่ได้ ประสบการณ์ของพรรคสหประชาไทย บรรดานายทหารที่มีบทบาททางการเมืองแล้วอยากตั้งพรรคคงต้องคิด

Q : เพราะอะไรทหารถึงอยากอยู่ในอำนาจต่อ

หากอยู่ภายใต้รัฐบาลพลเรือน บทบาททหารจะเปลี่ยนไป ไม่มีบทบาททางการเมือง เช่น บทบาทของกองทัพในโลกตะวันตก แต่เชื่อว่ากองทัพยังต้องมีอำนาจทางการเมือง

Q : มีการพูดถึงโมเดล พล.อ.เปรม อยู่ได้ถึง 8 ปี โดยพรรคการเมืองสนับสนุน

โมเดล พล.อ.เปรมไม่มีพรรคของตัวเอง อาศัยพรรคการเมืองสนับสนุน แต่โดยสถานการณ์ปัจจุบันจะใกล้เคียง 2511 มากกว่าหลัง 2521 เป็นการเมืองแบบยุคจอมพลถนอมมากกว่าเมื่อการเลือกตั้งกลับมา

Q : ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ใช้โมเดลยุค พล.อ.เปรมจะพัฒนาไปสู่จุดใด

อาจมีพรรคการเมืองบางส่วนตัดสินใจเข้าไปร่วมมือกับพรรคทหาร แต่ท้ายที่สุด คสช.อาจจะเดินแบบที่ทุกฝ่ายเชื่อว่าผู้นำทหารจะกลับมาใช้โมเดลเดิม คือการตั้งพรรคทหารเพื่อรองรับบทบาทของตัว

Q : วงจรการรัฐประหารจะต้องมีการสืบทอดอำนาจ และประชาชนต่อต้าน คิดว่าจะเกิดแบบนี้หรือไม่

คงมีคำตอบได้อย่างหนึ่งว่าการเมืองมีความผันผวน การออกแบบรัฐธรรมนูญคุณมีชัย (ฤชุพันธุ์) กับพวกคงหวังให้การเมืองอ่อนแอ เมื่อเป็นการเมืองที่อ่อนแอ คงเกิดรัฐบาลผสม และมีปัญหาระบบการเมือง ให้เกิดการรัฐประหารอีกครั้งในอนาคต

Q : แล้วอะไรที่จะเป็นเงื่อนไขให้ คสช.งอกงามต่อไปได้

ความสำเร็จของรัฐบาล สิ่งที่เป็นข้อวิจารณ์ในหลายเรื่องคือรัฐบาลไม่ค่อยมีผลงานที่เป็นรูปธรรม โดยเฉพาะสิ่งที่รัฐบาลพูดว่าความสำเร็จในทางเศรษฐกิจ ในความรู้สึกของประชาชนเป็นความสำเร็จที่ไม่จริง ยืนอยู่บนตัวเลขในกระดาษ ความสำเร็จตัวนี้วัดด้วยเรื่องเดียวคือชีวิตของประชาชนที่ดีขึ้นในทางเศรษฐกิจ

Q : หาก คสช.ไม่สามารถทำให้ปากท้องชาวบ้านดีขึ้นได้จะเกิดอะไร

คงไปตัดสินที่เลือกตั้งว่าพรรคที่ประกาศตัวสนับสนุน คสช. หรือพรรคของ คสช.จะหาเสียงอย่างไร ไม่ว่าการเลือกตั้งจะเกิดปลายปีหรือต้นปี 2562 ทุกฝ่ายจะเร่งเปิดตัว เปิดโฆษณา แล้ว คสช.จะสร้างความสำเร็จก่อนการเลือกตั้งได้อย่างไร

ooo




"ภูมิธรรม" โพสต์ห่วง คณะกรรมการปฏิรูปด้านการเมืองของ "เอนก" จะกลายเป็นเพียง “เครื่องมือสร้างความชอบธรรม” ให้กับกลุ่มผู้มีอำนาจในปัจจุบัน - การคืนประชาธิปไตย สิทธิเสรีภาพ และอำนาจการตัดสินใจให้ปชช. การปฏิรูปจึงจะเกิดขึ้นจริง





ผมติดตามการทำหน้าที่อย่างแข็งขันของ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ ประธานคณะกรรมการปฏิรูปด้านการเมือง ที่กำลังพยายามจะผลักดันเรื่องการปฏิรูปการเมืองภายใต้การผลักดันและมอบหมายจากคณะผู้มีอำนาจในปัจจุบัน ...ด้วยความห่วงใยเป็นอย่างยิ่ง

ห่วงใยด้วยเกรงว่า คณะฯดังกล่าว ก็จะกลายเป็นเพียง “เครื่องมือสร้างความชอบธรรม” ให้กับกลุ่มผู้มีอำนาจในปัจจุบัน ไม่ว่าจะด้วยความเต็มใจหรือไม่เต็มใจ/หรือด้วยความรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม

ที่ผมเป็นห่วงเพราะผมยังไม่ได้เห็นความตั้งใจจริงที่คณะผู้มีอำนาจในปัจจุบัน โดยเฉพาะความจริงใจในการเอื้ออำนวยให้สังคมและประชาชนตลอดจนพรรคการเมืองต่างๆ ให้สามารถออกมาใช้สิทธิเสรีภาพ ในการถกเถียงหรือแสวงหาคำตอบว่าประเทศของเราจะก้าวเดินไปทางไหน ทิศทางประเทศจะเป็นอย่างไร

สิ่งต่างๆ ที่ผู้มีอำนาจทำ ดูเป็นเพียงพิธีกรรมที่สร้างความชอบธรรมที่จะอยู่ในอำนาจต่อไปอีกยาวนาน ยิ่งได้ฟังที่ท่านพูดว่า ทหารคงไม่อยากอยู่ในอำนาจยาวนาน ยิ่งรู้สึกว่าอาจเป็นความคิดส่วนตนที่ขัดกับความจริงที่ปรากฏต่อสังคม หรืออาจกำลังมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน หรืออาจจำเป็นที่ต้องพูดอย่างนั้นก็เป็นได้

เพราะการกระทำของผู้มีอำนาจ ประกอบกับสถานการณ์และความเป็นจริงที่เกิดขึ้น...เหมือนที่นักวิชาการและสื่อมวลชนและประชาชนจำนวนไม่น้อยมองเห็นการพยายามเข้ามาแทรกแซงว่ากฏกติกาและกลไกของระบบต่างๆ ให้เป็นไป เพื่อความต้องการของตนที่จะสืบทอดเจตนารมณ์ของกลุ่มตนต่อไป

ผมเห็นว่าการลดอำนาจประชาชนและเพิ่มอำนาจรัฐที่มากล้นจนเกินไป/การมุ่งทำรัฐให้เป็นรัฐที่เข้มแข็งแบบรัฐราชการ/การพยายามเข้าไปจัดระบบหรือรีเซ็ตองค์กรอิสระต่างๆ เพื่อให้เป็นไปตามความต้องการของกลุ่มตน 

ล้วนเป็นสัญญาณที่สะท้อนให้เห็นว่า..... 

ความพยายามของนักปฏิรูปต่างๆ ที่กำลังทำงานภายใต้คณะฯ ดังกล่าวที่ผู้มีอำนาจตั้งขึ้น...ยิ่งมองไม่เห็นความหวัง และเกรงว่า จะกลายเป็นเพียงเครื่องมือหนึ่งของผู้มีอำนาจ ที่พยายามทำให้สังคมรับรู้ว่าตนไม่ได้นิ่งดูดายกับปัญหาการเมืองที่เกิดขึ้น แต่แท้จริงแล้วไม่ได้มีแก่นสารใดๆ หรือความจริงใจในการดำเนินการแต่อย่างใดเลย อีกทั้งยังเป็นการปฎิรูปที่ผิดหลักการเพราะการปฏิรูปที่ไม่เปิดให้มีการแสดงความคิดเห็นของคนในสังคมอย่างกว้างขวาง จะไม่มีทางประสบความสำเร็จได้

อย่ามัวแต่สร้างพิธีกรรมหรือ
สร้างความหวังลมๆ แล้งๆ กันต่อไปเลย
ตื่นขึ้นมาอยู่กับความเป็นจริง
รีบคืนประชาธิปไตย
คืนสิทธิเสรีภาพ
และคืนอำนาจการตัดสินใจกลับมาให้ประชาชนโดยเร็วเถอะครับ
แล้วประเทศจะมีทางออกการปฏิรูป ถึงจะเกิดขึ้นเป็นจริงได้

ภูมิธรรม เวชยชัย
เลขาธิการพรรคเพื่อไทย
29 พฤศจิกายน 60




Phumtham Wechayachai


ชี้แจง... จากรูปที่แชร์ทาง โซเชียล และไทยอีนิวส์ ที่มีทหารชี้หน้า มีคนไปเช็คมาแล้ว ไม่ได้ชี้หน้า เขาชี้ไปที่ธง (ตามคลิป)



ภาพที่แชร์ทาง โซเชียล และไทยอีนิวส์ ที่มีทหารชี้หน้า มีคนไปเช็คมาแล้ว ไม่ได้ชี้หน้า เขาชี้ไปที่ธง

วันพุธ, พฤศจิกายน 29, 2560

หลายคนคงทราบข่าวแล้วว่า Prince Harry และ Meghan Markle ได้หมั้นหมายและกำลังจะแต่งงานกัน - ชวนฟังสปีชของเธอ 'Meghan Markle UN Women' เรื่องความเท่าเทียมทางเพศ




https://www.youtube.com/watch?v=Zkb-zg4JCLk

Meghan Markle UN Women


WHAT WE SEEE
Published on Mar 13, 2015

Please watch Meghan Markle speak about gender equality at UN Women​ Please share this video as this message must be heard.!! Thanks

...

Rachel Meghan Markle is an American actress, model, and humanitarian. Since 2011, she has portrayed Rachel Zane on the legal drama series Suits. She is also known for her role as special agent Amy Jessup in the sci-fi thriller Fringe. Wikipedia

สงสัยจริง ‘ขาลง’ มาราปาตานีแถลงเตือน คสช.อย่ากดประชาชน

สงสัยจริง ขาลงอย่าง นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ว่าแล้วละ ผอ.โรงพยาบาลจะนะ อดีตแนวร่วม กปปส. ไล่ยิ่งลักษณ์ กวักมือเรียกทหารท่านนี้ ออกมาสนับสนุนแฮ้ชแท็ก #เทใจให้เทพา

เมื่อการชุมนุมคัดค้านการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพาถูกเจ้าหน้าที่เข้าสลาย เกิดกระแทกกระทั้นกันเล็กน้อย เจ็บทั้งสองฝ่าย แต่ผู้ชุมนุมเจ็บกว่า เพราะแกนนำ ๑๖ คนโดนจับตัวไปควบคุมไว้ที่โรงพักสงขลา

พวกนักวิชาการและนักกิจกรรมพยายามยื่นหลักทรัพย์ขอประกันตัวจำเลย แต่ถูกปฏิเสธไม่ให้ประกันตัว ศาลอ้างว่า “มีข้อกำหนด จะต้องเป็นญาติกันเท่านั้น” จึงต้องหันไประดมเงินเพื่อประกันตัวแกนนำทั้งหมด รวมทั้งสิ้น ๑.๓ ล้านบาท

แต่ปรากฏว่าหาเงินไม่ทัน บรรดาแกนนำที่ถูกจับกุมก็เลยต้องติดคุก นอนมุ้งสายบัวกันไปแล้วหนึ่งคืน จนกลายเป็นหนังหมาแปะหน้าผากรัฐบาลประยุทธ์ ในสายตาของพวกนั่งร้านให้ คสช. ยึดอำนาจเมื่อเกือบสี่ปีที่แล้ว

“สิ่งที่พี่น้องคนไทยทั้งประเทศ จะช่วยชาวบ้านเทพา-จะนะได้ ก็คือการช่วยกันประนามรัฐบาลไปก่อน ขาลงอยู่แล้ว ช่วยคนละไม้ละมือ จะได้ช่วยกันให้ลงเร็วขึ้นอีกครับ” นพ.สุภัทร เขียนบนหน้าเฟชบุ๊คของเขา

ไม่เท่านั้นอดีตแนวร่วม กปปส. คนสำคัญอีกราย ไทกร พลสุวรรณ อดีตนักการเมืองพรรคประชาธิปัตย์ ผู้ก่อตั้งขบวนการอีสานกู้ชาติทำการต่อต้านระบอบทักษิณ ก็เขียนเฟชบุ๊ค “ขอโทษประชาชน” บอกว่า

“ผมเสียใจที่เคยแถลงข่าวสนับสนุนพลเอกประยุทธ์เป็นนายกฯ ผมไม่รู้ว่าธาตุแท้ของเขาจะเป็นเช่นนี้ เสียใจจริงๆ”

อีกด้าน นางอังคณา นีละไพจิตร กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวถึงการสลายชุมนุมโรงไฟฟ้าถ่านหิน ที่มีการแชร์ภาพแกนนำคนหนึ่ง (นายมุสตาซีดีน วาบา) ถูกเจ้าหน้าที่หิ้วปีก แล้วหายตัวไปตั้งแต่วันที่ ๒๗ ว่า สามารถติดต่อนายมุสตาซีดีน หรือ แบร์มุส ได้แล้ว เขาปลอดภัยดี
คาดว่า “คงมีคนพาออกไปจากจุดที่ชุลมุน เพียงแต่เขาไม่ได้ติดต่อกับครอบครัวและเพื่อนจึงหากันไม่เจอ”

ทั้งที่ก่อนหน้านี้ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกห่านอู แถลงด้วยคำพูดส่อเสียดเหยียดหยาม ทำนองว่าเขาอาจหลบไปกับหญิงอื่นที่ไม่ใช่ภรรยา นางอังคณาบอกว่า “คำพูดลักษณะนี้เป็นการเหยียดเพศ

ถ้าหากว่ามีคำถามว่าเขาหายไปไหน ทางรัฐบาลก็แค่ตอบว่าเขาอยู่ที่ไหนก็จบแล้ว ไม่ควรใช้เรื่องเพศมาลดทอนความน่าเชื่อถือ”


ความน่าเชื่อถือที่หายไปนั่นกลับเป็นรัฐบาล คสช. เมื่อขบวนการ มาราปาตานีออกโรงประนามการสลายชุมนุมคัดค้านโรงงานไฟฟ้าถ่านหินเทพาและจับกุมแกนนำของรัฐบาลไทย แถลงการณ์ระบุว่า

“รัฐบาล คสช. ล้มเหลวอีกครั้งที่จะแสดงถึงความใจกว้างต่อการฟังเสียงประชาชน” และ “ประชาชนมีสิทธิเปี่ยมล้นในการตัดสินว่าอะไรเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องการ หรือไม่ต้องการ”

องค์กรอันเป็นศูนย์กลางของขบวนการมุสลิมต่างๆ ในแถบสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เจรจากับรัฐบาลไทยค่อนข้างราบรื่นในช่วงก่อนที่ คสช.จะยึดอำนาจ ประกาศด้วยว่า “เราขอยืนหยัดเป็นภราดรภาพกับชาวบ้านเทพา

และขอเตือนรัฐบาลว่าการดึงดันไม่ยอมรับข้อเรียกร้องต้องการของประชาชน และตอบโต้ด้วยกำลังรุนแรง นอกจะทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปใหญ่แล้ว มันอาจก่อให้เกิดผลลัพท์อันไม่พึงปรารถนาแบบเดียวกับเหตุการณ์กรือเซะและตากใบก็ได้”


ในส่วนที่รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อ้างว่าผู้ชุมนุมทำร้ายเจ้าหน้าที่ จึงได้มีการจับกุมแกนนำนั้น นางอังคณาย้อนว่า “มีข้อมูลว่าผู้ชุมนุมบางคนก็บาดเจ็บเช่นกัน”

ประจวบกับขณะนี้สถานการณ์น้ำท่วมเริ่มจะหนักขึ้นอีกในภาคใต้ ตั้งแต่ปัตตานีขึ้นมายะลา เข้านราธิวาส เป็นประดุจความยากแค้นซ้ำเติม โดยที่รัฐบาล คสช. ไม่สามารถขจัดความทุกข์ยากของชาวบ้านได้ ทั้งที่มีอำนาจล้นพ้น เงินล้นมือ
ครั้นเมื่อชาวบ้านตากหน้าไปหาที่พึ่งกับพบกับความฉุนเฉียว วางอำนาจตวาดใส่ เหมือนกับว่าการไปร้องเรียนหัวหน้ารัฐบาลต้องกราบกรานคลานเข้าไปหา จะพูดเร็วพูดรัวไม่ได้ ต้องอ่อนน้อมอ่อนช้อย จ๊ะจ๋า ละหรือ

มันเป็นความเคยตัว ‘spoiled’ ถึงขั้นเน่า ‘rotten’ เสียจนประชาชนจำนวนมากเข้า ข้ามเส้นแบ่งสี นอกจากไม่อยากให้อยู่ยาวแล้ว ยังกำลังจะพากันทนไม่ไหวไสส่งให้ ไป เสียทีเร็วไว

ความแตกต่างระหว่างนรกกับสวรรค์



https://www.facebook.com/thainobilityV2/videos/1942289972700757/

ooo

...

ยุคคสช.

ทำยังกับประชาชนไม่ใช่คน



https://www.facebook.com/chainocoal/videos/520265018366334/

...



...


ประชาไทรีรัน... คุยกับมิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2013 เรื่องคำถาม-คำตอบ และ social movement บนเวทีนางงาม



ญาดา เทพนม


คุยกับมิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2013 เรื่องคำถาม-คำตอบ และ social movement บนเวทีนางงาม


2017-11-28
ที่มา ประชาไท


“social movement” กับการตอบคำถามของมารีญา พูลเลิศลาภ มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์สปีล่าสุดและผู้เข้ารอบ 5 คนสุดท้ายในเวทีมิสยูนิเวิร์ส 2017 กำลังเป็นประเด็นร้อนแรงในโลกออนไลน์ ประชาไทชวน อ๋อ - ญาดา เทพนม มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2013 และ มิสเซาท์อีสต์เอเชียทัวริซึมแอมบาสเดอร์ 2015 อดีตนิสิตสาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คุยเรื่องเวทีนางงามทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลัง เจาะลึกเรื่องการตอบคำถามบนเวที การตัดสินผู้ชนะที่เชื่อมโยงกับการเมืองระหว่างประเทศ และ social movement ในเวทีของนางงาม

อยากให้ช่วยเล่าเบื้องหลังเวทีว่าก่อนหน้าที่จะมีการตอบคำถาม เขาได้บอกอะไรเราล่วงหน้าไหม มีวิธีเตรียมตัวอย่างไร

ถ้าเป็นเรื่องคำถามที่อ๋อประกวดมาสองเวทีคือ ระดับอินเตอร์ของแกรนด์ฯ ไม่มีการบอกคำถามล่วงหน้า ของแกรนด์ไม่เหมือนเวทีอื่นเพราะมีการกล่าวสปีชที่เตรียมมาด้วยสำหรับคนที่เข้ารอบสิบคนสุดท้าย สำหรับสปีชเป็นสิ่งที่เราหัดกันมาก่อนแล้ว แต่มันจะมีรอบคำถามของ 5 คนสุดท้าย เขาจะถามเราตรงนั้นเลย

ส่วนอีกเวทีหนึ่งที่เคยประกวดคือเวที Miss Southeast Asia Tourism Ambassador เมื่อปี 2015 อันนี้เขาเหมือนเป็นเวทีเล็กๆ คนที่ตอบคำถามคือคนที่เข้ารอบ 7 คนสุดท้าย เขาจะให้คำถามมา 1 วันก่อนหน้าวันประกวดจริง คือไม่รู้ว่าใครจะเข้ารอบ แต่คำถามมีแค่คำถามเดียว ต่างกันที่แต่ละคนจะตอบกันยังไง แล้วก็มีอีกหลายเวทีในไทยและต่างประเทศที่ใช้วิธีให้คำถาม สมมติว่า คนที่เข้ารอบ 5 คนสุดท้ายต้องตอบคำถามก็จะแจกคำถาม 5 ข้อให้ทุกคนก่อนวันประกวดก็มี ทุกคนก็พยายามตอบมาทุกข้อ แต่เอาเข้าจริงไม่รู้ว่าจะจับได้ข้อไหน

ทริกในการเตรียมตัวของนางงามก็เหมือนไปสัมภาษณ์งาน ก็ต้องเก็งว่าเขาจะถามอะไรบ้าง เศรษฐกิจ สังคม การเมือง วัฒนธรรม อะไรอย่างนี้ อยู่ที่ว่าเราเก็งไปใกล้ความจริงแค่ไหน

อย่างมิสยูนิเวิร์สน่าจะไม่ให้คำถามก่อน?

ใช่ น่าจะถามสด

เรื่องการตอบคำถาม เหมือนเป็นขั้นสุดท้ายก่อนที่เขาจะตัดสิน?

ใช่ สุดท้ายนางงามที่เข้ารอบมา เขาน่าจะคัดกันมาตั้งแต่ในกองประกวดแล้วเพราะไม่สามารถตัดสินกันบนเวทีอย่างเดียว เขาก็ดูกันตั้งแต่ตอนเก็บตัว ไม่งั้นจะมีการเก็บตัวทำไม ถ้าแค่สวย เดินดี จริตดี ตอบคำถามดี แต่ไม่ใช่แค่การตอบคำถามดีจะทำให้ได้มงกุฎ

การตอบคำถามไม่ใช่ปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการได้มงกุฎใช่ไหม?

ต้องพูดว่าเป็นปัจจัยสุดท้าย ปัจจัยแรกคือหน้าตา ความสง่างาม ออร่า ทัศนคติ นิสัย ความร่าเริง ศักยภาพอื่นๆ และโปรไฟล์จะทำให้เราเข้ารอบลึกๆ แต่คำถามในรอบไฟนอลจะเป็นตัวเลือกว่าใครจะได้มงกุฎ

แต่ในกรณีที่นางสาวเอกับนางสาวบีตอบคำถามแบบที่ว่า นางสาวเอสวยกว่านางสาวบีมาก แต่นางสาวบีตอบคำถามได้ดีกว่านางสาวเออย่างมากนางสาวบีก็จะได้ไป แต่ถ้านางสาวเอสวยมาก นางสาวบีสวยรองลงมา แต่นางสาวเอตอบคำถามแย่กว่านางสาวบีเล็กน้อย เขาก็ให้นางสาวเอ เพราะอย่างไรนางงามความสวยต้องมาก่อน นางงามไม่สวยไม่ได้ เพราะฉะนั้นคนที่ตอบคำถามได้ดีน้อยกว่าแต่สวยกว่าอาจจะได้ไป

ทั้งหมดอยู่ที่เจ้าของเวทีว่าเขาจะให้น้ำหนักกับอะไรมากกว่า คำถามจึงสำคัญในแง่ที่ว่าเราไม่มีทางรู้ล่วงหน้า การเตรียมตัวด้านร่างกาย เสื้อผ้า ทุกอย่างในกองเป็นสิ่งที่เราสามารถทำล่วงหน้าได้ แต่คำถามคือสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนั้น เราไม่รู้ว่าจะเจอคำถามข้อไหน คำถามจึงมีความสำคัญที่จะชี้ชะตาเรา เป็นสิ่งเดียวที่ไม่สามารถเตรียมตัวได้

คำถามของแต่ละเวทีมันกำหนดวาระ (agenda setting) ของเวทีนั้นหรือเปล่า

เราว่าค่อนข้างนะ อย่างของมิสเวิลด์จะชัดเจนมากว่าเขาเน้นคุณค่าผู้หญิงสูงมาก คำถามของมิสเวิลด์จะเน้นไปทางสังคมการเมืองมาก เพราะเวทีนี้เขาเอานางงามเพอร์เฟกต์ คนที่ได้ก็จะเป็นหมอบ้าง นักสังคมสงเคราะห์บ้าง แล้วจะมาจากประเทศที่ให้การสนับสนุนดี เหมือนไทยที่สนับสนุนมารีญาดีมาก มันก็เป็นทุกเวทีที่ประเทศไหนคนดูเยอะ คนเชียร์เยอะก็มีเครดิตดีกว่าประเทศที่คนไม่สนใจ มันก็เป็นการตลาด เราจะให้เครดิตกับตัวแทนประเทศที่ไม่สนใจดูเวทีเราไหม เราก็ต้องให้โอกาสนางงามประเทศที่ซัพพอร์ตเวทีเรามากกว่า

ส่วนเรื่องอัตลักษณ์คำถามกับเวที อย่างมิสยูนิเวิร์สซึ่งเป็นของสหรัฐฯ แต่ก่อนคำถามก็ไม่ได้การเมืองเท่านี้ แต่สามปีก่อนมีการเปลี่ยนเจ้าของลิขสิทธิ์ ก็เหมือนจะเอาคำถามที่เป็นการเมืองเข้ามามากขึ้น ที่เห็นชัดเจนคือเน้นความสวยจากภายในมากขึ้น แบบนางงามที่มาต้องมีอะไร ไม่ใช่แค่สวย ต้องมีประเด็นในตัวเองที่ขายได้ ส่วนมิสแกรนด์อินเตอร์มีจุดยืนที่ชัดเจนอยู่แล้วคือเน้นสันติภาพ หยุดสงคราม คำถามก็จะเน้นไปทางการเมืองสังคมเป็นส่วนใหญ่

เรื่องปัจจัยทางการเมืองระหว่างประเทศ เรื่องสปอนเซอร์ทางธุรกิจมีส่วนตัดสินไหม

มีอยู่แล้ว ในประเทศไม่เท่าไหร่ เพราะในภาพกว้าง ยังไงผู้จัดงานก็คือคนที่เลือกนางงาม อาจมีที่สปอนเซอร์ถูกใจคนนี้ก็ได้ตำแหน่งพิเศษไป (เช่น เบสท์สไมล์ เมืองไทยประกันชีวิต คือเมืองไทยประกันชีวิตชอบคนนี้ก็เลยให้ตำแหน่งนี้) แต่ว่าในเวทีใหญ่เมืองไทยเราไม่เห็นว่ามีสปอนเซอร์เลือกว่าใครจะได้มงกุฎ

ส่วนระดับโลก มันแล้วแต่บริบทเวทีว่าเวทีนั้นเป็นอะไร ของใคร อย่างเวทีแกรนด์อินเตอร์เนชันแนลเป็นเวทีเกิดใหม่ ไม่ใช่เวทีที่เข้าไปยุ่งกับการเมืองเยอะ และเวทีก็เป็นเอกชนของคนๆ เดียว ไม่ใช่บริษัทมหาชน เลยมีการแทรกแซงจากกลุ่มธุรกิจและการเมืองน้อย เพราะอย่างไรก็เป็นเจ้าของคนเดียว เช่น นาย ก. จากไทยซื้อลิขสิทธิ์ก็ส่งนางงามไปประกวด ดังนั้นคนเลือกผู้ชนะก็คือนาย ก. แต่ถ้าสปอนเซอร์ชอบคนนี้อยากจะให้ตำแหน่งดีๆ ก็อาจจะมี แต่สุดท้ายเจ้าของลิขสิทธิ์ก็เป็นคนเลือกอยู่ดี หรืออย่างมิสเวิลด์ เจ้าของมูลนิธิของมิสเวิลด์ที่ชื่อจูเลียเขาก็เลือกเอง และก็ไม่ได้เข้าไปพัวพันกับการเมืองมากตั้งแต่ต้นแล้ว

แต่ในกรณีมิสยูนิเวิร์สต่างออกไป เพราะถ้าไปดูต้นกำเนิดของมันจริงๆ คือมันเกิดขึ้นในช่วงสงครามโลก เป็นการประกวดเพื่อสันติภาพในช่วงแรกเริ่ม เป็นการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม เวทีมิสยูนิเวิร์สผ่านมือคนมาเยอะ ผ่านแม้แต่มือ โดนัลด์ ทรัมป์ ดังนั้นเราคิดว่าการเมืองมีผลกับมิสยูนิเวิร์สเต็มๆ เพราะเรารู้ว่าสหรัฐฯ มีการใช้ซอฟต์พาวเวอร์อย่างวัฒนธรรม ภาพยนตร์ ซีรีส์ นางงาม การทูต

เหมือนสหรัฐฯ เป็นเจ้าของมิสยูนิเวิร์ส การที่เวทีระดับโลกของอเมริกาจัดประกวดแล้วให้มงกุฎนางงามประเทศหนึ่งมันเป็นเรื่องใหญ่พอที่จะกระทบถึงความเป็นไปของประเทศนั้น เลยไม่แปลกใจที่จะเห็นว่านางงามหลายคนที่ได้ตำแหน่งมิสยูนิเวิร์ส รวมถึงของไทยคือพี่ปุ๋ย (ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก) และพี่อาภัสรา หงสกุล ก็สามารถคาดเดาได้ว่ามีผลทางการเมือง เพราะคุณอาภัสราก็ได้ในยุคสงครามเย็นที่ไทยเป็นฐานทัพให้กองทัพสหรัฐฯ หรืออย่างฟิลิปปินส์ในปี 2015 เพราะฟิลิปปินส์ตอนนั้นก็ยินยอมการมีฐานทัพสหรัฐฯ ในฟิลิปปินส์ แต่ทั้งหมดก็คือการคาดเดาเพราะในความเป็นจริงอาจจะไม่ใช่ก็ได้ เช่นปีล่าสุดที่ฝรั่งเศสได้ไปก็ไม่เห็นว่ามีผลกับการเมืองเท่าไหร่ อาจจะแล้วแต่บางปี อาจจะมีเรื่องของการเมืองเบื้องหลังในบางปี

แล้วในฐานะที่เป็นตัวแทนประเทศไทยไปตอบคำถาม มันมีกรอบการตอบที่ควรต้องตอบ ไม่สามารถตอบในเชิงลบเกี่ยวกับการเมืองในไทยได้ ทั้งที่ความเป็นประชาธิปไตยก็เป็นสิ่งที่สหรัฐฯ ให้ความสำคัญ แบบที่หลายฝ่ายคาดกันว่าที่มารีญาตอบแบบนั้นเพราะต้องเซฟตัวเองหรือเปล่า?

ไม่รู้จริงๆ เพราะคำถามนี้มันไม่ได้นำเข้าเรื่องการเมืองอย่างเดียวนะ คำว่า social movement ไม่ใช่เรื่องการเมือง การเรียกร้องประชาธิปไตยอย่างเดียว คิดว่า หนึ่ง มารีญาไม่ได้อยากชูประเด็นการเมือง สอง มันคงเป็นสิ่งที่เขานึกได้ในเวลานั้น เขาคงพยายามตอบว่าเยาวชนไทยเป็นกำลังสำคัญที่สุดในการขับเคลื่อนประเทศที่จะเป็นสังคมสูงอายุ เพราะเราเป็นคนรุ่นใหม่และเราต้องดูแลเขา ซึ่งโอเค ปัญหาคือเธอตอบไม่ตรงคำถาม เพราะคำถามคืออะไรเป็น social movement แต่เยาวชนไม่ใช่ social movement เยาวชนคือประธานที่จะไปทำ social movement คำตอบคลาดเคลื่อนจริง ก็อาจจะเข้าใจได้ว่าตื่นเต้น

ส่วนการไม่พยายามดึงเข้าการเมืองก็เป็นไปได้ แต่อาจเพราะความตื่นเต้น จริงๆ คำถามนี้ก็ตอบไปอย่างอื่นได้ เช่น social movement ทุกวันนี้คือการให้เกียรติทางด้านเชื้อชาติ สีผิว เพศตรงข้าม LGBT หรือเรื่องการเปิดกว้างและมีอิทธิพลของโซเชียลมีเดียก็ได้เหมือนกัน

แต่สังเกตคำถามที่นางงามฟิลิปปินส์ได้ในปี 2015 ที่ถามคำถามเรื่องฐานทัพในฟิลิปปินส์ แล้วเขาตอบโปรอเมริกา แล้วเขาก็ชนะ

ก็อันนั้นคำถามนำคำตอบ คำถามที่นางงามฟิลิปปินส์ได้คือคุณคิดอย่างไรกับการที่สหรัฐฯ เข้ามาตั้งฐานทัพในประเทศคุณ มันก็ตอบได้สองอย่างคือดีกับไม่ดี คำถามนี้เหมือนจะปลายเปิดแต่จริงๆ เป็นคำถามปลายปิดที่ตอบได้แค่ว่าชอบหรือไม่ชอบ เยสหรือโน แต่กรณีมารีญาเป็นคำถามปลายเปิด แถมให้คำว่า why มาอีก ยิ่งเปิดกว้าง ถ้าจะตอบให้แบบโปรอเมริกาว่ามีการลิดรอนสิทธิในประเทศ มีการเรียกร้องสิทธิ ก็มีสิทธิเข้ารอบกว่านี้เหมือนกันเพราะมันตรงคำถามและกลับมาเข้าทางอเมริกา

แต่การที่มารีญาจะสามารถตอบให้ตรงคำถามและไม่ก่อให้เกิดความแตกแยกในประเทศตัวเอง เพราะตอนนี้คนในประเทศมีทั้งที่สนับสนุนและต่อต้านทหาร สมมติมารีญาตอบว่าที่บ้านฉันมีการเคลื่อนไหวเรื่องนี้ๆ เช่นพี่ตูน บอดี้สแลม สิทธิของ LGBT ซึ่งก็ตรงคำถามและไม่ทำให้เกิดแรงเสียดทานในประเทศ ก็เป็นคำตอบที่ตรงคำถาม เข้าทางอเมริกาและมารีญาก็อาจจะเข้ารอบเหมือนกัน

มันอยู่ที่การตัดสินใจว่าจะตอบอะไร ตัวนางงามเองมีคลังข้อมูลมากขนาดไหน คนเรามีความสามารถไม่เหมือนกัน มารีญาจบธุรกิจมาเขาอาจจะตอบคำถามเรื่องเศรษฐกิจได้ดีกว่า แต่มารีญาไม่ได้จบรัฐศาสตร์ กฎหมาย ไม่ได้ชินกับเรื่องการเมืองขนาดนั้น อาจเป็นเรื่องที่เขาคิดไม่ทันตอนนั้น คำถามที่เขาตอบไม่ได้ผิด แต่มันไม่ได้ถูกเรียบเรียงคำพูดให้ออกมาสอดคล้องกับคำถามได้เป๊ะๆ

ถ้าอย่างนั้นกรอบและข้อจำกัดของการตอบคำถามของนางงามคืออะไรบ้าง เมื่อตัดเวลาที่จำกัดออกไปแล้ว?

จริงๆ ไม่มีกรอบอะไรหรอก แค่ตอบคำถามชัดเจน ตรงประเด็น ไม่เวิ่นเว้อ กล้าแสดงจุดยืนของตัวเอง พร้อมให้เหตุผล ต้องมีความมั่นใจในการตอบ แต่ถ้าจะให้ดีไปกว่านั้นคือ ตอบในสิ่งที่เจ้าของเวทีจะต้องถูกใจ ซึ่งเราก็ต้องระมัดระวังด้วยว่าคำตอบนั้นจะไม่ไปสร้างแรงเสียดทานกับคนในประเทศเราด้วย ดังนั้นการเตรียมตัว เก็งคำถามมาก่อนก็ช่วยได้

เพิ่มเติมเรื่องมารีญา จริงๆ ตอนที่ดูในวิดิโอพรีเซนต์ เราเห็นว่ามารีญาพยายามทำกิจกรรมเพื่อเยาวชนเพื่อป้องกันการท้องก่อนวัยอันควร ซึ่งสิ่งที่มารีญาทำก็ถือเป็นการช่วยผลักดันให้สังคมหันมาสนใจแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างจริงจังได้ พูดง่ายๆ คือเธอสามารถหยิบเรื่องใกล้ตัวจากวิดีโอพรีเซนต์ของเธอมาตอบคำถามได้

การได้ตำแหน่งนางงามถือเป็น social movement อย่างหนึ่งไหม แบบเป็นตัวแทนองค์กรที่คนภายนอกมองว่าต้องทำหน้าที่ต่างๆ เช่นช่วยเหลือเด็ก?

จริงๆ ต้องมีการตีความคำว่า Social movement คือการเคลื่อนไหวภาคประชาสังคม ซึ่งก็ตรงตัวว่าต้องมาจากประชาชน ไม่ใช่แค่คนเพียงคนเดียว แต่ต้องหลายๆ คนรวมกันถึงจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง

สิ่งที่ปู ไปรยาทำ ถ้าคนไทยให้ความสำคัญมากกว่านี้เขาก็อาจจะเป็นคนหนึ่งที่ทำให้ก่อให้เกิด social movement ตอนที่เขาทำงานที่ UNHCR ที่ไปเยี่ยมโรฮิงญา แต่คนไทยไม่ค่อยอินกับประเด็นโรฮิงญาเท่าไหร่ ไม่เหมือนตอนพี่ตูนที่คนไทยอินมากจนเกิดเป็นกระแสทั้งการบริจาคและในโซเชียลมีเดีย

โลกออนไลน์ก็สำคัญมากๆ ที่จะก่อให้เกิด social movement ขอพูดถึงคำถามมารีญาที่ว่า คุณคิดว่าอะไรเป็น social movement ที่สำคัญที่สุดในสังคม สิ่งที่แวบเข้ามาในหัวเราคือ social movement ที่สำคัญสุดในยุคเราคือโซเชียลมีเดีย ตอนนี้ถ้าคุณไปโบกธงหน้าสภาก็ไม่มีใครสนใจคุณเท่ากับการที่คุณขอให้เพจเฟสบุ๊คลงวิดีโอให้หน่อย อาจจะมีคนรู้มากกว่าที่คุณไปโบกธงหน้าสภาอีก

พลังของ social movement ที่เกิดจากโซเชียลมีเดียมีผลมาก มันทำให้การตายของเด็กคนหนึ่งเป็นที่สนใจ มันทำให้ความลับของค่ายทหารถูกเปิดโปง ทำให้คนเห็นพฤติกรรมต่างๆ ของคนในสังคมและลุกขึ้นมาต่อต้าน หรือทำให้เกิดการล่าแม่มด มันทำให้เกิดทั้งด้านบวกและลบของ social movement ใครที่สามารถนำประเด็นในโซเชียลมีเดียได้ คุณกำลังถือไพ่เหนือคนอื่นเพราะคุณทำให้เกิด social movement ได้ ผู้นำทาง social movement ในยุคนี้มาจากโซเชียลมีเดียเยอะขึ้น

ทีนี้กลับมาที่ประเด็นนางงาม สมมตินางงามไทยได้ตำแหน่งมิสยูนิเวิร์ส ก็จะก่อให้เกิดความปิติยินดี คนอาจจะตื่นเต้น แต่มันเป็นกระแสมากกว่า มาเร็วแล้วก็ไปเร็ว ดีใจที่นางงามเราได้มงกุฎ กลับมาก็ต้อนรับ แล้วก็รับงานๆ มีชื่อเสียง รับเงิน ก็จบ แต่ว่า social movement มันจะเกิดได้ต่อเมื่อตัวนางงามหรือทีมงานทำอะไรที่สังคมรู้สึกว่าอยากมีส่วนร่วมด้วย ซึ่งโดยปกติเมื่อได้มงกุฎเขาต้องไปทำงานกับองค์กรแม่ที่อเมริกา ตอนนั้นก็แล้วแต่องค์กรแม่ว่าจะพาไปทำกิจกรรมอะไรบ้างเพื่อสังคมบ้าง ซึ่งที่ผ่านมากองมิสยูนิเวิร์สทำน้อยเมื่อเทียบกับที่อื่น ที่ทำเยอะคือมิสเวิลด์ เขาทำกิจกรรมเพื่อสังคมเยอะมาก ระดมทุนเยอะมาก แล้วก็มีการรับเงินบริจาคจากประเทศที่ส่งนางงามเข้าประกวดด้วย

มิสยูนิเวิร์สดูไม่ค่อยมีภาษีจากเรื่องนี้เท่าไหร่?

ไม่ค่ะ มิสยูนิเวิร์สไม่ค่อยมีเรื่องนี้เท่าไหร่ มิสแกรนด์ฯ ก็มีบ้างประมาณร้อยละ 30 มีไปตะวันออกกลาง ช่วยเหลือเด็ก เอาผ้าห่มไปให้เด็กที่อิรัก ก็มีบ้าง แม้คนมีชื่อเสียงในไทยมีเยอะมาก แต่ถ้าเขาไม่ใช้ชื่อเสียงของเขาทำให้สังคมคิดว่าต้องทำอะไรสักอย่างก็ไม่มีประโยชน์ ที่พี่ตูนทำเรียกว่า social movement เพราะเขาทำให้คนสนใจประเด็นสาธารณสุขมากขึ้น เพราะจริงๆ ประเด็นโรงพยาบาลก็มีมาตั้งนานแล้ว โรงพยาบาลเล็กๆ ที่อุปกรณ์ไม่พอ แต่ไม่มีใครพูดถึง พอพี่ตูนออกมาวิ่ง สังคมก็ถูกทำให้คิดว่า เออ โรงพยาบาลแถวบ้านเราแย่ ต้องหาเงินช่วย

ภาพมันฟ้อง...


...




https://www.facebook.com/chainocoal/videos/520265018366334/

ทำยังกับประชาชนไม่ใช่คน

...



...


...






นายกฯ โพสต์ผ่าน FB เสียใจ (แต่ไม่ได้ขอโทษ) ตวาดชาวประมง สำหรับปัญหาความเดือดร้อนต่างๆ ที่ร้องเรียนมา ได้สั่งการให้หน่วยงานที่รับผิดชอบไปดูอย่างละเอียดแล้ว





นายกฯ เสียใจ ที่ได้ว่ากล่าวชาวประมงไปเมื่อวานนี้ที่ปัตตานี แต่ขอให้เข้าใจในสิ่งที่รัฐบาลได้แก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย เพื่อให้อุตสาหกรรมประมงของไทย สามารถอยู่รอด ส่งออกได้ สอดคล้องกับพันธสัญญาที่เราต้องดำเนินการ รวมทั้งเพื่อรักษาสมดุลของธรรมชาติ ให้การประมงของเราเกิดความยั่งยืนต่อไปในอนาคต สำหรับปัญหาความเดือดร้อนต่างๆ ที่ร้องเรียนมา ได้สั่งการให้หน่วยงานที่รับผิดชอบไปดูอย่างละเอียดแล้ว



Gen.Prayut Chan-o-cha ทีมงาน

ooo


...

...


...

ฉลามเขียว: โซเชียลปราบเผด็จการ





ฉลามเขียว: โซเชียลปราบเผด็จการ


Nov 26, 2017
Voice TV

ขอให้ท่านคณะผู้ครองอำนาจอย่าเพลิดเพลินจนเกินไป ... คนไทยมีมหาศาลหลายสิบล้านคน อำนาจอะไรก็กดหัวประชาชนให้ครบทุกคนไม่ได้หรอกครับ

ตกตะลึง และตื่นเต้น เมื่อได้เห็น ได้ยิน พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เอ่ยคำขอโทษครอบครัวของ “น้องเมย” นักเรียนเตรียมทหาร ปี 1 ที่สงสัยสาเหตุการเสียชีวิต มาจากการแดก หรือธำรงวินัย ต่อเนื่องหรือไม่

นักเรียนทหารเสียชีวิต ในลักษณะคล้ายๆกับกรณี น้องเมย ไม่ใช่ศพแรก แต่การที่ศพก่อนๆ ไม่ดังขนาดนี้เพราะยังไม่มีสื่อโซเชียล และคราวนี้ท่านพลเอกประวิตรช่วยพูดทำให้คนไทยอารมณ์เดือด แม้ท่านพลเอกประวิตรก็ขอโทษครอบครัวคนตายแล้ว .. แต่กรณีจะจบมั๊ย ผมว่าจบยากครับ เพราะเวลานี้ประเด็นเลยเถิดไปถึง “สถาบัน” โรงเรียนเตรียมทหาร แล้ว กำลังปลุกเร้ากันอยู่ ตกลงว่าเป็นสถาบันที่กฎหมายยื่นมือเข้าไปไม่ได้ใช่มั๊ย


 


ตัวผมนั้นชอบทหารก็เอาใจช่วย ขอให้บรรดานายทหารใหญ่ ทหารอาชีพ ที่ไม่มีตำแหน่งทางการเมือง รีบแก้ไขเหตุนี้โดยรักษาสถาบันโรงเรียนทหารเอาไว้ให้ได้ กองทัพไทยราคาแพงมากนะครับ มีหน้าที่ป้องกันประเทศ ซึ่งประเทศไทยมีราคาแพงมากกว่าโรงเรียนทหารหลายเท่า ดังนั้นทางจบที่คงจะสวยงาม ถ้าทหารยอมเสียสละนักเรียนทหารอีก 1 คน เมื่อเป็นคดีอาญา นักเรียนทหารปกครอง ที่เรียกว่า คอมมาน จะไม่กล้าทำน้องๆอีก

เช่าหนังเรื่อง A few good men (1992) ไปฉายให้ทหารทุกคนในโรงเรียนทหาร ทุกระดับ ได้ดู ก็จะดีนะครับ

ประเด็นของผมในวันนี้ไม่ใช่เรื่องของโรงเรียนเตรียมทหาร ผมจะเขียนเรื่อง อิทธิพลของโซเชียลปราบเผด็จการ โซเชียลได้กลายเป็นเครื่องมือปราบเผด็จการที่ทรงพลานุภาพไปแล้ว ซึ่งจากรณีน้องเมย เราก็ได้เห็นอีกอย่างหนึ่งจากปรากฏการณ์ “แอดมินกลุ่มมุ่งสู่โรงเรียนเตรียมทหาร” ไม่รู้คือใคร ไม่มีตัวตน เปิดแล้วก็ปิดไปแล้ว แต่ได้สร้างความสั่นสะเทือนรุนแรงมาก

โพสต์ข้อความว่าด้วยเรื่องความภาคภูมิใจของคนที่ได้เข้าโรงเรียนเตรียมทหาร ทำให้ชาวโซเชียลไทยก่นด่ารุนแรง นักเรียนเตรียมทหารที่ไม่เกี่ยวข้องโดนเจ็บๆไปด้วย ซึ่งผมไม่ลอกมาลงนะครับ เชื่อว่าชาวโซเชียลไทยหาอ่านได้ เขียนว่าไง

ผมแตะประเด็น แอดมินกลุ่มมุ่งสู่โรงเรียนเตรียมทหาร แค่นิดเดียวเพื่อกระตุ้นให้นายทหารใหญ่ในกองทัพไทย รีบหยุดกระแสนี้ มันทำร้ายสถาบันโรงเรียนเตรียมทหารได้แรงมาก โดยฝีมือของคนไม่มีตัวตน

ตรงนี้แหละครับที่ผมจะโยงเข้าหาการเมืองไทยขณะนี้ ด้วยการขอให้ท่าน “คณะผู้ครองอำนาจอย่าเพลิดเพลินจนเกินไป” วาจาท่าน... !!!!!

อย่าคิดว่ากุมสภาพได้หมด ทำให้คนกลัวได้เบ็ดเสร็จ ด้วยอำนาจพิเศษทั้งปวงที่มีอยู่ ใช้เชือดๆไปแล้วหลายราย

คนไทยมีมหาศาลหลายสิบล้านคน อำนาจอะไรก็กดหัวประชาชนให้ครบทุกคนไม่ได้หรอกครับ

หลังจากที่มีข่าว สตช.ออกคำสั่งด่วนถึงตำรวจทั่วประเทศให้จับตา “แกนนำ” ที่จะปลุกม็อบมาขับไล่รัฐบาลของท่าน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผมก็งง เพราะเท่าที่ติดตามอยู่ในระดับประชาชนยังไม่มีขยับยังไม่พบมีการใช้โซเชียลนัดแนะกันมาไล่รัฐบาล ยังใช้โซเชียล ในเรื่องที่ไร้สาระกันอยู่ ซึ่งก็ดีที่บิ๊ก สตช.รีบแถลงข่าวแก้ว่า เป็นการเตือนตามรอบปฏิบัติปกติ ยังไม่พบมีการปลุกม็อบไล่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ เพราะแกนนำถูกจับขังไว้หมดแล้ว

ม็อบโดยแกนนำไม่น่ากลัวแล้วครับ เพราะคนไทยเซ็งแกนนำ ไม่ว่าม็อบฝั่งไหนก็ไม่น่ากลัว เพราะแกนนำขายไม่ออกแล้ว โดยเห็นได้จากขณะนี้ ฝ่ายเป่านกหวีดขยับแรง ไลฟ์สด ในเครือข่ายโซเชียลถี่ยิบ ถล่มพลเอกประยุทธ์ด้วยคำแรงๆ แต่ไม่มีเด้งรับจากประชาชน

ผมเขียนเรื่องนี้เพราะอะไร เพราะไม่อยากให้ผู้ครองอำนาจในไทยปรามาสพลังอำนาจของโซเชียล ท่านทั้งหลายก็คงจำได้นะครับ ประธานาธิบดี Zine El Abidine Ben Ali แห่งประเทศตูนีเซีย นายทหารยศพลเอก ได้อำนาจด้วยการรัฐประหารโค่นประธานาธิบดีคนที่ตั้งตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรี แล้วก็ต่อท่ออำนาจด้วยการเลือกตั้งตามวิถีประชาธิปไตย ได้เป็นประธานาธิบดี ครองอำนาจต่อเนื่อง 23 ปี อยู่มั่นคงด้วย “กำปั้นเหล็ก” ปราบปรามประชาชนที่ร่ำร้องให้แก้ไขปัญหาปากท้องด้วยการให้ตำรวจไล่ทุบตี แล้วจับขัง

อำนาจเผด็จการในคราบประธานาธิบดีประชาธิปไตย ชาวบ้านกินไม่อิ่ม

วันที่ 17 พ.ย.2010 นาย Mohamed Bouazizi อายุ 29 คุณพ่อลูก 2 เข็นรถใส่ผลไม้ไปจอดขายริมถนนกลางเมือง Boukhadra (in Tébessa Province) เขาถูกตำรวจมาไล่ ยึดเข็นรถไป และตำรวจหญิงได้ใช้ฝ่ามือตบหน้าเขาหนึ่งที ทำให้เศร้าหมองมาก เขาไปซื้อน้ำมันเยนซินจากปั๊มมา 1 แกลลอน 5 ลิตร ราดตัวเองและจุดไฟเผาท่วมตัว

ตำรวจนำส่งโรงพยาบาล ผู้คนเริ่มมีปฏิกิริยา เรียกร้องให้ประธานาธิบดี เบน อาลี รับผิดชอบและให้ไปเยี่ยม ซึ่ง เบน อาลี โดนกดดันก็ยอมไปเยี่ยมถึงข้างเตียง ประกาศจะรับผิดชอบค่าเสียหายทั้งหมด และตั้งกรรมการสอบเอาผิดตำรวจหญิงคนตบหน้า แต่ก็ไม่ทำอะไรให้ดีขึ้น ประชาชนชุมนุมบนถนนหนาแน่นขึ้นเรื่อย ขยายเป็นให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาปากท้อง สินค้ากินเข้าปากราคาแพง

4 ม.ค.2011 Mohamed Bouazizi ตายบนเตียงโรงพยาบาล ทำให้ประชาชนตูนีเซียในเมืองหลวง และเมืองใหญ่ทั่วประเทศ ลงมาอยู่บนถนน ขับไล่ เบน อาลี กับเฟิร์สเลดี้ “Laila” ผู้ใช้ชีวิตหรู ในขณะชาวบ้านยากจน ประชาชนบุกเข้าเผาคฤหาสน์ของประธานาธิบดีทุกแห่งทั่วประเทศ ลักสมบัติมีค่าเหี้ยน

คลิปวิดีโอที่ผมจำติดตาที่สุด ก็เหตุการณ์ ที่ชายคนหนึ่งใช้รถยกของ Forklift ยกรถซูเปอร์คาร์ Ferrari 599 GTB ที่ลักออกมาจากคฤหาสน์หลังหนึ่งของประธานาธิบดี ขณะชาวบ้านบุกเผา เขาขับวิ่งไปตามถนน พร้อมยกนิ้วโป้ง+ยิ้ม ให้กับคนที่ใช้มือถือถ่ายคลิปนี้ด้วย





Mohamed Bouazizi เผาตัวเอง ชาวบ้านได้ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายคลิปไว้ และเผยแพร่ในโซเชียล ก่อกระแสเดือดพล่าน แล้วก็ใช้โซเชียลอีกหลายเครือข่ายชักชวนกัน นัดแนะ ออกมาขับไล่บนถนจนเบนอาลียอมแพ้ บินหนีไปซาอุดิอารเบีย พร้อมเมียเมื่อวันที่ 14 ม.ค.2011 ขณะที่นักปฏิวัติประชาชน ตามจับคนในครอบครัวที่เสวยสุขจากการกอบโกยขณะครองอำนาจมารเข้าคุกหลายคน บางคนก็หนีทัน

ผมขอย้ำนะครับ ประชาชนตูนีเซีย ในทวีปแอฟริกาตอนเหนือ กลัวระบอบการปกครองของประธานาธิบดีเบน อาลี หัวหด แต่เมื่อมีคนเริ่มใช้โซเชียลเป็นเครื่องมือความกลัวก็หมด แล้วสู้จนได้รับชัยชนะ เป็นตำรา Arap spring ของคนอีกหลายชาติในตะวันออกกลาง

ประเทศไทยปรับครม.ใหม่แล้ว ผมไม่วิจารณ์ แต่ขอชี้เป้าให้คนไทยอ่านสกู๊ปข่าวของ voice tv ชื่อเรื่อง 'สมคิด คอนเนกชั่น' กระชับอำนาจนำทีมเศรษฐกิจ 'ประยุทธ์ 5' เขียนได้ดีมากๆ

ปากท้อง เป็นตัวชี้ขาด

ครม.ใหม่ของท่านเป็นอย่าง ผมก็เชื่อว่าท่านนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้อ่านและได้ยินเองแล้วทั้งหมด

ช่วงเวลาฮันนีมูนไม่เหลือแล้วนะครับ

เหลือสุดท้าย...

จัดเลือกตั้งอย่างไว

The Daily Dose Facebook Live คำตอบ “Social Movement” ทีมกองประกวดนางงามต้องการ (แต่เสียดาย เจอ Stage Fright!)





ooo




วันอังคาร, พฤศจิกายน 28, 2560

วิแคะเหตุเกิดที่ตลาดปลาปัตตานี ที่แท้ลุงตูบของเราเอาบ้าง ตอบเสียงดังรัวๆ อย่างชาวใต้

รู้แระ นั่งวิแคะอยู่ตั้งนานเพิ่งจะถึงบางอ้อ แรกนึกว่าแก ไบโพล่าร์ตอนบ่ายว้ากลั่นผ่านไมค์กับชาวประมงร้องเรียน ตกค่ำหน้ารื่น ยกแก้ว เวลคัมดริ๊งค์ชวนดื่ม บอก “ไม่อยากกลับกรุงเทพฯ” ซะแล้ว

จะใครเสียอีก ถ้าไม่ใช่ I-Yuth ของชาวบ้าน เมื่อวาน (๒๗ พ.ย.) ลงพื้นที่ใต้ ก่อนเปิดประชุมสัญจรคณะรัฐมนตรีชุดเหล้าเก่าขวดใหม่ที่ Deep Blue Sea @WassanaNanuam เธอเรียกว่า ครม.ครึ่งใบ หรือ ๔ ๑/๒ ซึ่งยกยอดมาจาก ประยุทธ์ ๔๑๔ คน ขณะที่รัฐมนตรีใหม่ใน ประยุทธ์ ๕ยังปฏิบัติงานไม่ได้ ต้องรอเข้าถวายสัตย์ฯ ๓๐ พ.ย. เสียก่อน

นัดคุยกันวันนี้ (๒๘ พ.ย.) ที่โรงแรมบีพีสมิหลาบีช มีชาวใต้เตรียมแห่ไปต้อนรับเพียบ ทั้งชาวสวนยางตั้งใจไปยื่น ๖ ข้อคำถามโน่นไหมนี่ไหมสไตล์บิ๊กตู่นั่นละ กับชาวบ้านสงขลา-ปัตตานีค้านโรงถ่านหินเทพา ชุดนี้ขบวนใหญ่

แล้วยังมีของแถมนอกรายการ ชาวประมงโผล่ร้องเรียนขณะประยุทธ์แวะเข้าพื้นที่ปัตตานีเดินชมตลาดปลา “เพื่อพบปะประชาชน ติดตามความก้าวหน้าของโครงการสามเหลี่ยม มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนและติดตามประเด็นปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน”
พอมีประชาชนชาวประมงนายหนึ่งนามว่า ภรัณยู เจริญ อายุ ๓๔ ปี ปราดเข้าร้องเรียนด้วยวาจาฉอดๆๆๆ ต่อหน้านายกรัฐมนตรี กรณีกฎหมายอนุญาติให้ทำประมงได้เพียงปีละ ๒๒๐ วัน น้อยเกินไปไม่พอกิน เดือดร้อนมาก อยากได้ ๓๖๕ วัน

เท่านั้นแหละ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ปรี๊ดแตก ขึ้นเสียงดังตะคอกใส่ไมโครโฟน “อย่ามาเถียงฉัน อย่ามาส่งเสียงกับผม เข้าใจเปล่า ผมฟังคุณนี่ พูดดีๆ ก็ได้” เสร็จแล้วยื่นไมค์ให้ผู้ห้อยตาม บอก “เอาไป” พลันสะบัดก้นเดินต่อ


ส่วนพวกชาวสวนยางกับม็อบเทพาไม่ได้พบลุงตูบหร็อก โดนลิ่วล้อ คสช.ฉกเอาไปคุยบ้าง โดนสะกัดฟัดอยู่หมัดบ้าง ล้อคข้อมือล่ามโซ่ลากไปไว้โรงพักนับสิบ

กรณีชาวสวนยางสี่อำเภอ จะนะ-เทพา-นาทวี-สะบ้าย้อย แห่กันไปโรงแรมบีพีหมายจะยื่นหนังสือกับมือประยุทธ์ เป็นคำถาม ๖ ข้อ เช่นว่ารู้ไหมชาวสวนยางเดือดร้อนสาหัส จะแก้ปัญหาให้อย่างไร รัก-เมตตา-สงสาร-เข้าใจ ชาวสวนยางบ้างหรือไม่

แต่ไปถึงแค่หน้าโรงแรมเจอทหาร “ขอความร่วมมือไม่ให้ยื่นหนังสือ” แล้วแนะให้ไปโน่น ยื่นกับศูนย์ดำรงธรรมแทน ชาวสวนยางก็เลยหน้าม้านกลับไป


ด้านม็อบต้านโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพานั้นกระหึ่มมาสามสี่วันแล้วละ พากันเดินเท้ามุ่งหน้าบีพีสมิหลาเป็นขบวนใหญ่ พอถึงชุมชนเก้าเส็งก็เจอกับกำลังเจ้าหน้าที่ทหารและ อส. กว่าร้อยนาย มีการชุลมุนเล็กน้อยเมื่อเจ้าหน้าที่พยายามไล่ตะครุบผู้ชุมนุมที่พร้อมกันใส่เสื้อยืดสีเขียวสดเห็นเด่นชัด
เจ้าหน้าที่จับผู้ชุมนุมไป ๑๖ คน ใส่กุญแจมือ ล่ามโซ่ นำไปควบคุมตัวไว้ที่ สภ.เมืองสงขลา แล้วตั้งข้อหาฝ่าฝืน พรบ.ชุมนุมสาธารณะแก่สี่แกนนำ ว่ากีดขวางการจราจรแล้วยังทำร้ายเจ้าหน้าที่ด้วย


ไฮไล้ท์ทั้งหมดคงไม่มีอะไรเทียบ บิ๊กตุ่นปรี๊ดแตกอีกแล้วนั่นแหละ ปฏิกิริยาจากออนไลน์มีทั้งสุขุมแบบ ARM@armupdate ที่ว่าดูท่าชาวประมงคนที่ร้องเรียนจากคลิป ก็ปกติดีไม่เห็นนายกฯ จะต้องฉุน

หรือคอมเม้นต์ร้อนแรงอย่าง independence @redbamboo16 "ประยุทธ์เป็นคนบ้าอำนาจ วุฒิภาวะทางอารมณ์ต่ำมากๆ เหมือนคนมีอาการทางประสาท ดูได้จากการที่เขาตะโกนใส่ชาวบ้านผ่านไมค์เมื่อวานนี้"

เจ้าตัวนั้นชี้แจงกับเจ้าหน้าที่ว่าขณะพูดร้องเรียนกับนายกฯ นั้น “บรรยากาศในงานเสียงดัง และอยากพูดให้นายกฯ ได้ยิน เลยกลายเป็นคล้ายตะคอก” เขาคงเพียงแก้ต่างให้ผ่อนหนักเป็นเบา แท้จริงน่าจะพูดตามปกติ ไม่มีเจตนาขึ้นเสียงเถียงบิ๊กตุ่นหรอก

ดูจากกรณีชาวสวนยางเมืองคอนไปร้องเรียนทางการที่ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช แล้วมีคลิปแพร่หลายกันใหญ่ว่าเป็นปากเป็นเสียงขนาดหนัก ถึงขั้นอดีต ส.ส. ประชาธิปัตย์ทำหนังสือขอให้ตั้งกรรมการสอบพฤติกรรมเจ้าพนักงาน

เช้าวันนี้ (๒๘ พ.ย.) ผู้ว่าราชการจังหวัดออกมาชี้แจงว่าบุคคลในคลิปคือรองผู้ว่าฯ สกล จันทรักษ์ นั้นเป็นคนพื้นที่ ตนจึงส่งให้ไปรับเรื่องเจรจากับชาวสวนยาง “การใช้ภาษาที่เห็นในคลิปคนที่อื่นอาจดูว่า มันเสียงดัง แต่นี่เป็นลักษณะของคนนครฯ ไม่ได้เป็นปัญหาเลย

มิหนำซ้ำหลังจากให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าฯได้แสดงภาพที่ชาวสวนยางพารากลุ่มดังกล่าวเดินทางไปขอโทษนายสกล โดยมีการกอดคอกัน มาแสดงให้สื่อมวลชนดูด้วย


นั่นละ ผลการวิเคราะห์เรื่องนี้จึงได้ความว่า เรื่องเกิดที่ตลาดปลาปัตตานีนั้นแท้จริงทั่นนายกฯ เป็นคนรอบรู้ ลุ่มลึก เมื่อชาวประมงร้องเรียนด้วยวีธีการพูดของชาวใต้ (ปัตตานีกับนครศรีฯ ไม่ได้ห่างไกลกันนี่) ลุงตูบของเราก็เอาบ้าง ตอบด้วยเสียงอันดัง รัวๆ ไง

แหม่ เรื่องนี้ถ้ามีการขอโทษขอโพยกันและกันระหว่างลุงตูบกับชาวประมง แล้วกอดคอถ่ายรูปด้วยยิ่งแจ๋ว