วันพุธ, ธันวาคม 13, 2560

"แค่เรื่องนาฬิกาสิบกว่าเรือนสิบกว่าล้านไม่ได้แจ้งรายการทรัพย์สินกับ ปปช. เท่านั้น ขี้ประติ๋ว"

เห็นว่าเที่ยวนี้ “ทีม ปชป.ทำงานประสบผลสำเร็จ เพราะมีเสียงตอบรับจากสื่อมากเกินคาด” คมชัดลึกเขาชื่นชมลีลานายหัว กรีดยางจากเหนียงของหัวหน้า คสช.

“จี้ถูกจุดเรื่องรายได้คนใต้ลด เขย่าทีมสมคิดให้ตื่นจากฝันได้พอควร”  (http://www.nationtv.tv/main/content/378588668/)

แต่ว่าคนเต้นน่ะเป็นตัวหัวหน้า ปาดกลับด้วยตัวเอง เพราะช่วงนี้โฆษก อกหักหลบไปพัก เลียแผลใจที่เกาหลี...ตามนั้น ดังที่ Wassana Nanuam เธอเล่าเรื่องเสธ.ไก่อู “มีน้ำตามาคลอๆ จนถึงขั้นที่เอ่ยประโยคถามน้องเอ๋ ภริยา ว่าพี่มันเลวนักหรือไง” นั่นละ


“คงหวังดี ท่านเป็น คนดี ไง แต่การเมืองมันไม่ใช่แบบนั้น” นักการเมืองแบบแย่งตั้งสอนนักการเมืองรอรายงาน “วันนี้รัฐบาลปัจจุบันอนุมัติงบประมาณให้กลุ่มจังหวัดมากกว่าเดิม มีทั้งงบจากภาค ท้องถิ่น แต่ก่อนงบเหล่านี้เลือกเฉพาะพื้นที่ภาคอีสาน ภาคเหนือ”

เห็นไหมล่ะ เขาปาดเก่งขนาดไหน ปาด ป๊าดเดียว เชือดสองราย พวกนักเลือกตั้งทั้งนั้น ทั้งใต้ ทั้งเหนือ ทั้งอีสาน

“มันยากไหมเล่า นั่นเเหละคือความยากง่ายของประชาธิปไตยไทย ไม่ใช่อยู่ๆ จะมาตั้งคำถามว่าจะเลือกตั้งเมื่อไหร่” สอนบทเรียนประชาธิปไตยให้อีกต่างหาก


พอถึงเรื่อง แหวนเพชรแม่ให้ นาฬิกายืมเพื่อน(เจ้าตัวบอกไม่ได้พูดนะ นัยว่า หมัดเหล็ก ไทยรัฐนั่งเทียนเขียนเอง) ทั่นหัวหน้าใหญ่ทำท่าจะไปไม่เป็นเอาเหมือนกัน “ขอร้องสื่อให้ลดราวาศอกกันบ้าง”

แต่ครั้นมาถึงเรื่องตำรวจบุกจับ ฟลุ๊คศรี มณีเด้ง เน็ตไอดอลแอบสูบบุหรี่ไฟฟ้า แบบว่าจู่โจมลากตัวถูลู่ถูกังยิ่งกว่าผู้ต้องหาฆ่าคน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดันบอกว่า “เรื่องเล็กๆน้อยๆ แล้วต้องผ่อนผันไป ไม่ต้องทำอะไรหรือไง

โทษผู้ต้องหาสะดิ้งเกินเหตุซะอีก “เขาก็เอาไปควบคุมตัว ก็ดิ้นรนเกลือกกลิ้งอยู่อย่างนั้น แล้วก็มาพาลให้คนรู้สึกว่ารุนแรงเกินไป แล้วทำไงจะให้ปล่อยไป เเล้วอุ้มหรือ


กับกรณีพี่ใหญ่ คสช. มีผู้สังเกตุเห็นว่า “คนเดียวกันพูดในวันเดียวกัน” หลักกูเปลี่ยนมาเป็นหลักการ“กฎหมายว่าอย่างไรก็ไปว่ากันตามขั้นตอน” ลุงตูบว่า “อย่าไปมองในทางที่แย่ทั้งหมด...

เพราะสื่อและหลายคนก็จ้องอยู่เช่นกัน เขาต้องการตีให้แตกออกจากผม ก็รู้อยู่” ทิ้งท้ายไม่วายสไตล์ ข่ม โฮ่งโฮ่ง ตามฟอร์มเก่า “ถ้ายิ่งไม่มีคนอยู่ด้วยจะยิ่งดุกว่าเดิม”


แล้วที่ไม่ได้ดุเหมือนเดิมก็เพราะมีแต่พวกที่เคยเป็น คนกันเอง ทั้งนั้นที่ออกมาด่าละสิ

เริ่มจาก ทิชา ณ นคร รณรงค์ทาง change.org ให้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรรณ ลาออก จากการที่ปากไว ให้สัมภาษณ์กรณี น้องเมย นักเรียนเตรียมทหารเสียชีวิตในโรงเรียนว่าเป็นเพราะร่างกายอ่อนแอ แต่ชันสูตรศพครั้งที่สองพบว่า ร่างกายและอวัยวะมีร่องรอยถูกทำร้าย

(แม้นว่า “คณะกรรมการสอบสวน ที่มี พล.อ.อ.ชวรัตน์ มารุ่งเรือง รองเสนาธิการทหารเป็นประธาน” ยังดึงดันยืนกรานว่าการตายของ นตท. ภัคพงศ์ ตัญกาญจน์ “เกิดจากปัญหาสุขภาพ ที่เกิดจากหลายสาเหตุ ส่งผลให้หัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน” https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_666551)
ตามด้วย รสนา โตสิตระกูล เล่นเรื่องนาฬิกาหลายเรือนไม่เฉพาะริชาร์ด มิลล์ น่าจะมีทั้ง Rolex และ Patek (Philippe) ดูสนนราคาน่าจะเกินเรือนละ ๒ แสนบาท

อดีต สว. นักปฏิรูปพลังงานก่อนเลือกตั้ง แล้วได้เป็น สปช. นักปฏิรูปแห่งชาติ จี้ว่าปัญหาอยู่ที่ “ไม่ได้แจ้งบัญชีทรัพย์สินเหล่านี้ต่อ ปปช. เหมือนรัฐมนตรีท่านอื่นๆ น่ะซิ”

ทางด้าน วีระ สมความคิด อดีตพันธมิตรฯ ที่ไปติดคุกเขมรเพราะเสียรู้ ปชป. เดี๋ยวนี้เป็นนักต้านคอรัปชั่น (ในแวดวงทหาร) คนสำคัญ จี้หนักเข้าไปอีกว่าแหวนเพชรแหวนพลอยของบิ๊กตือนั้นเยอะไปหมด ส่วนนาฬิกาแต่ละเรือนราคาเกินล้านทั้งนั้น

ป.ป.ช.ต้องทำกรณีนี้ให้โปร่งใส ตรวจสอบได้ ประชาชนกำลังจับตาดูอยู่ทั้งประเทศ หากทำอะไรที่ไม่ถูกต้อง ให้เป็นที่เคลือบแคลงสงสัย ป.ป.ช.จะตกเป็นจำเลยทั้งทางอาญาและจากสังคม”


โธ่ คุณวีระก้อ มีหรือเขาจะแคร์ ต่อให้จับตาดูทั้งโลก คสช.เสียอย่างทั้งแถกทั้งดันกันไปได้ นักเรียนเตรียมทหารตาย พ่อ แม่ พี่สาว นักเป่านกหวีดเก่าให้ คสช.เข้ามาครองเมืองแท้ๆ เขายังไม่สน ศพมีอวัยวะชำรุดยังแถกไปจนได้ว่าตายเพราะปัญหาสุขภาพ

นี่แค่เรื่องนาฬิกาสิบกว่าเรือนสิบกว่าล้านไม่ได้แจ้งรายการทรัพย์สินกับ ปปช. เท่านั้น ขี้ประติ๋ว 

คอยดูสิ เดี๋ยวผลตรวจสอบออกมาต้องบอกว่านาฬิกาปลอมทั้งนั้น ทั่นได้มาจากคลองถม (ตอนก่อน คสช.สั่งปิด) น่ะ สนนราคาไม่พอให้แจ้ง