วันอาทิตย์, ธันวาคม 03, 2560

ปีที่สี่ของ คสช. ‘ชาวบ้านชาวเมือง’ ทำท่าจะไม่สบายอีกต่อไปนักแล้ว

ปีหน้า ๒๕๖๑ จะเป็นปีที่ คสช. ยังครองเมืองต่อไปเต็มๆ ทั้งอำนาจและเงิน โดยไม่มีวี่แววว่าจะเพลามือหรือปูทางเพื่อการปกครองอย่างประชาธิปไตยผ่านการเลือกตั้ง รวมทั้งคายคืนเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นต่าง และกำหนดวิถีชีวิตตนเองของประชาชน

ทั้งที่ตลอดกว่าสามปีที่ผ่านมา ประชาชนประสพภาวะข้าวยากหมากแพงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ปีหน้าก็ยังจะเป็นปีที่รัฐบาลจัดสรรงบประมาณจับจ่ายไว้มากถึง ๒.๙ ล้านล้านบาท อ้างว่าเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวจนได้

โดยเฉพาะกระทรวงศึกษาฯ ที่ได้รับงบประมาณในปี ๖๑ มากที่สุด ๕ แสนกว่าล้าน นัยว่าเพื่อการพัฒนาประชาชน ๔.๐ สร้างทักษะรองรับเศรษฐกิจดิจิทัล เสริมส่งธุรกิจสต๊าร์ทอัพ แต่ทุกวันนี้ยังมีนักศึกษาถูกดำเนินคดีจากการแสดงความคิดเห็นโต้แย้งคณะรัฐประหาร และนักเรียนทหารเสียชีวิตจากการ ซ่อม

ลำดับรองลงมาเป็นงบกลาง จำนวนเกือบ ๔ แสนล้าน อันเป็นประหนึ่งถุงเงินข้างกายที่รัฐบาลสามารถควักจับจ่ายได้โดยง่าย ตามด้วยอันดับสาม งบฯ กลาโหม เกือบ ๓ แสน ๕ หมื่น ๖ พันล้าน เป็นอีกถุงเงินที่คณะทหารแจกจ่ายกันใช้เปรมปรีย์

เมื่อดูอัตราการเพิ่มขึ้นของงบประมาณที่ให้กับกระทรวงต่างๆ ซึ่ง ไทยพับลิก้าทำเป็นกร๊าฟฟิคไว้ พบว่ามหาดไทยได้เพิ่มมากที่สุด กว่า ๒ หมื่นล้าน ตามด้วยคลังใกล้เคียงกัน ๒ หมื่นกว่าล้าน ที่สามเป็นคมนาคม ๑ หมื่น ๕ พันกว่าล้าน รัฐวิสาหกิจมาอันดับสี่ ๑ หมื่น ๒ พันกว่าล้าน แล้วจึงถึงกลาโหมเกือบ ๘ พัน ๙ ร้อยล้าน

มหาดไทยที่ตัวเอ้คณะยึดอำนาจ (สอง ป.) กำอยู่นั้นได้รับทั้งงบฯ และงานไปมากมายตลอดสามปีที่ผ่านมา แต่ไม่ได้เห็น ผล อะไรเป็นชิ้นอัน ส่วนกลาโหมได้ติดหนึ่งในห้า เพราะอะไรไม่ต้องพูดถึงแล้วมั้ง ใครๆ รู้กันทั่ว รถถัง เรือดำน้ำ จรวด ฯลฯ ของเล่นวันเด็กทั้งนั้น

คมนาคมก็ได้เพิ่มไม่น้อย เอาไว้จ่ายจีนเข้ามาสร้างรถไฟไล่ฝุ่นลูกรัง ขณะที่รัฐวิสาหกิจได้เพิ่มสำหรับใช้อุ้มการบินไทยซึ่งขาดทุนย่อยยับ เพราะพนักงานบริการบนเครื่องคอยคิดแต่จะทำกาแฟหกใส่คนนั้นคนนี้ที่เธอเกลียด

ขณะที่กระทรวงคลังได้รับงบฯ เพิ่มไว้ใช้หนี้ แต่ว่าก่อนปิดงบฯ ปี้นี้ “กู้มากอง” ให้จำนวนเงินคงคลัง ดูดีถึง ๕.๒ แสนล้านบาท แล้วยังเตรียมการหาเงินด้วยวิธีขอดเกล็ด ถอนขน แยบยล ภาษีบาป ภาษีผัก และภาษีเพลง

กรณีหลังนี่มีคนเม้าท์กันแซดบนไซเบอร์ว่า สรรพสามิตเตรียมไล่เก็บภาษีสวนอาหารและผับ ในอัตรา ๑๐ เปอร์เซ็นต์ อันจะทำให้พนักงานและผู้ประกอบการในแวดวงบันเทิงได้ ตกงาน กันระบม

เรื่องนี้ไม่ค่อยกระโตกกระตาก ตั้งแต่เมื่อกลางเดือนตุลามาแล้ว อธิบดีสรรพสามิตประกาศว่าที่ผ่านมา ภีสถานบริการได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยแค่ระดับร้อยล้าน ปีหน้าจึงต้อง เข้มงวด จัดการเก็บภาษีให้ได้มากขึ้น

เช่น อัตราภาษีสถานบริการเต้นรำและกินดื่ม ประเภทไนต์คลับ ดิสโกเธค ผับและบาร์ ๑๐% นั้น “ในธุรกิจสวนอาหาร หรือ ผับบางแห่ง อ้างว่าไม่เข้าข่ายต้องเสียภาษีเพราะไม่มีฟลอร์เต้นรำตามที่กฎหมายระบุไว้” ปีหน้าอ้างไม่ได้แล้ว เพราะมีตัวอย่างศาลตัดสินให้ ซานติก้าผับ ต้องจ่ายภาษีสรรพสามิตแล้ว ทั้งที่อ้างได้ว่าไม่มีฟลอร์เต้นรำ

เช่นเดียวกับร้านสะดวกซื้อที่ขายเบียร์สดกันโดยไม่ต้องจ่ายภาษีสรรพสามิต ขณะที่โรงเบียร์สด หรือ craft beers ซึ่งเป็นกิจการสต๊าร์ทอัพอย่างหนึ่งกลับต้องขอรับใบอนุญาตและเสียภาษีสรรพสามิต ปีหน้าจะไม่สะดวกกันเหมือนเดิมแล้ว



เห็นเขาแชร์โพสต์ของ Tuaytep David Wibunsin กันว่า การเก็บภาษีสรรพสามิตร้านอาหาร ร้านนวด และสปานั้น เก็บ ๑๐ เปอร์เซ็นต์ของรายได้ ก่อนหักค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากสารพัดภาษีที่มีอยู่...

ดีใจจนน้ำตาไหลครับ ร้านอาหารที่มีดนตรีจะต้องเลิกกิจการกี่แห่ง...หรือไม่ก็นักดนตรีทั่วประเทศจะตกงานอีกเท่าไร หมอนวดแผนไทยอีกเท่าไร”

เพจ พงศกร รอดชมภู เลยได้จังหวะเสริม “บรรยากาศประเทศไทย สวรรค์นักท่องเที่ยว ปิดฉากลงอย่างถาวรนับแต่นี้ไป...พังแล้ว พังเลย ไม่มีกลับมาอีกแล้ว”

ปีที่สี่ของ คสช. ชาวบ้านชาวเมืองที่บางส่วนเคยลอยชายเพราะกวักมือเรียกคณะทหารให้มายึดอำนาจ ทำท่าจะไม่สบายอีกต่อไปนักแล้ว หลังจากที่ ชาวไร่ชาวนา โดนหนักใกล้จะกระอักเลือดกันมากว่าสามปี

ดูเหมือน คสช. จะพุ่งความใส่ใจไปให้ชาวไร่ชาวนามาก คงอยากได้ฐานเสียงของรัฐบาลเก่าเอามาไว้รองรับการอยู่ยาวอีกสี่ซ้าห้าปี (ตามโพล ไทยคู่ฟ้า ไง)

เมื่อวันก่อน รมว. เกษตรฯ คนใหม่พาทีมไปเซ่นไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงก่อนประเดิมเริ่มงาน คงได้สัญญานจากผีบ้านผีเมือง เสร็จพิธีประกาศก้องจะแก้ปัญหาราคาพืชผลตกต่ำให้ได้ภายในสามเดือน


“โดยเฉพาะเรื่องยางพารา และข้าว โดยจะดูแลไม่ให้ราคาต่ำกว่าต้นทุน


ฝ่ายทั่นช่วยเกษตรฯ รมช. ก็คุยคำโต “เตรียมประกาศแพ็คแก็ตใหญ่ ออกมาช่วยหนี้เกษตรกร” นายลักษณ์ วจนานวัช ออกไอเดียบรรเจิด

นำพระราชวิเทโสบายรัชกาลที่ ๙ (บางคนเขาเรียกอภิปรัชญา -metaphysics เทียบเท่าศาสนาด้วยแน่ะ) วิธีการ แก้มลิง แก้ปัญหาน้ำมาใช้กับผลิตผลทางการเกษตร

“เป็นแก้มลิงพืชผลการเกษตรได้ ให้มีที่เก็บเพราะออกสู่ตลาดมากไป ทำให้ราคาต่ำ และค่อย ๆ ปล่อยออกมาตามความต้องการแท้จริงของตลาด”


โอว วิเศษจัง แต่ขอถามนิด ไอ้ผลิตผลทางการเกษตรเนี่ยมันเป็น perishable เน่าเสียและเสื่อมสภาพตามกำหนดเวลาระยะสั้นมิใช่เหรอ แม้วิทยาศาสตร์ยุคใหม่สามารถจัดเก็บไว้ได้นานพอควร แต่ไม่น่าจะนานพอสำหรับกำหนดราคาได้หรอกนะทั่น

ที่เขาว่ากัน ยุคหนึ่งดีแต่พูด ยุคนี้ ดีแต่พล่าม ตามผู้ณรรมไหมล่ะ