วันอังคาร, ธันวาคม 05, 2560

เห็นแต่เรื่องเลวๆ ในยุคเผด็จการ คสช. มามาก มาดูเรื่องดีๆ จาก 'ฟ้ารุ่ง ศรีขาว' บ้าง

เรื่องเลวๆ ในยุคเผด็จการ คสช. สามปีกว่ายังมีมายี่ยำอยู่ไม่ยั้ง ไม่ยอมขาดแคลน

ไม่ว่าจะเป็นความต่างระหว่างภาพถ่ายเจ้าหน้าที่การศึกษาพื้นฐานยืนเรียงตัวแช่น้ำถึงเข่าหน้าโรงเรียนที่ถูกน้ำท่วมภาคใต้ ๑๑ จังหวัด ตั้งแต่สุราษฎร์ลงไปยังนครศรีฯ สตูล ตรัง พัทลุง สงขลา ยะลา ปัตตานี และนราฯ กับบรรดาคณะรัฐมนตรี ตุ่นฮ่า ในชุดขาวนั่งสลอนหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ให้ฮือฮาเมื่อนักข่าวสาวๆ แซวรองนายกฯ โสด สวมแหวนเพชร นาฬิการาคาล้าน สะท้อนแสงแดดแสบตา
 
หรือว่าภาพตำรวจ ๕ นายนอนตายเกลื่อนในพื้นที่ความขัดแย้งคุกรุ่นภาคใต้ ซึ่งเป็นทีมปราบน้ำมันเถื่อนที่โดนถล่มขณะกำลังนำหลักฐานการทุจริตกลับเข้าไปยังกองบัญชาการ แล้วปรากฏว่าหลักฐานและข้อมูลสำนวนหายไปจากที่เกิดเหตุพร้อมทั้งโทรศัพท์ติดตัวของเจ้าหน้าที่ทั้ง ๕

แล้วยังภาพตลาดประชารัฐ สำนักงานเขตบางซื่อคืนความสุขประชาชน ที่คนท้องที่บอกว่า “เปลืองงบฉิบหาย มาสร้างภาพประกาศเป็นตลาดประชารัฐผลงานรัฐบาล ก่อนนี้กูขายมาตั้งนานพวกแม่งไม่เห็นจะมาทำห่าอะไร...

เช้านี้วุ่นฉิบหาย มากันเป็นสิบ มาแขวนป้าย จัดฉาก เกณแม่ค้ามาถ่ายรูป...รถติดกันไปทั้งบาง”

หรือจะเอาข่าวโด่งไม่จบ ขุดพบอาวุธสงครามกลางท้องนาที่แปดริ้ว แรกอ้างว่าเป็นชุดเดียวกับของโกตี๋เมื่อปี ๕๗ ตอนนี้ คมชัดลึก ให้รายละเอียดผู้ต้องหา ๕ นาย หนึ่งในนั้นคือ จักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีรัฐบาลทักษิณที่ลี้ภัยอยู่นอกประเทศตั้งไม่รู้กี่ปีแล้ว

เพียงเพราะ เจตนาเบื้องลึก(ขออนุญาตใช้สำนวนของตลาการศาลไทย) อยากจะเลื่อนเลือกตั้งออกไปอีกหน่อย หรือว่าขอเวลาเพิ่มเติมยังถลุงงบประมาณไม่หมด อย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งสองอย่างรวมกัน

ร้อนถึงเจ้าตัวต้องร่อนสาส์นยันว่าไม่ใช่นะ บร๊ะ “เรื่องดังกล่าวไม่ได้มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับตัวผมเลย ข่าวปลอมชิ้นนี้ถือเป็นความสิ้นคิดของคนออกข่าวและคนที่ไปคาบข่าวเอามาวิจารณ์ต่อมา...

จึงขอบอกไว้ให้ชัดตรงนี้ว่า อย่ายั่วยุกันให้มากจนเกินไปนัก การลุกฮือของประชาชนไม่ใช่ของที่ไกลเกินเอื้อม หากผู้กุมอำนาจในรัฐไทยโง่และชั่วพอ”

มาดูเรื่องดีๆ บ้าง ที่บางท่านอ่านแล้วอาจน้ำตาซึม เรื่องส่วนตั๊ว ส่วนตัว แต่ผลกระทบทางใจมันเป็นผลิตผลมวลรวมให้เห็นว่าประชาธิปไตยที่หยิบฉวยกินได้ เป็นเช่นไร

เป็นเรื่องที่มาจากโพสต์ล่าสุดของ ฟ้ารุ่ง ปุ๋ย ศรีขาว ผู้สื่อข่าวหญิงผลงานติดตาจับใจประชาชน คนละฟากกับนักข่าวหญิงนามกระเดื่องอีกคน ที่ต่างกันทั้งรูปร่างหน้าตาและจุดยืนทางการเมือง

คุณฟ้ารุ่งเขียนถึงเรื่องบ้านเอื้ออาทรและสวัสดิการ ๓๐ บาทรักษาทุกโรค ดังนี้

“รับโฉนดจากแบงก์แร้ว 'บ้านเอื้ออาทร' บ้านหลังแรกของเรากับแม่
โครงการจากรัฐบาลทักษิณ ครอบครัวเราซื้อก่อนที่จะมีโครงการบ้านหลังแรกในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ก็เลยไม่ได้ใช้สิทธิอะไรในยุคนายกฯปู แต่ก็ไม่เป็นไร
บ้านหลังนี้เริ่มผ่อนตั้งแต่อยู่ไทยโพสต์ ใช้ใบรับรองเงินเดือนใบแรกจากบริษัท สารสู่อนาคต จำกัด หรือ หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ของป๋าเปลว สีเงิน ตอนนั้นเราเป็นนักข่าวภาคสนามสายการเมือง เป็นการทำงานบริษัทแห่งแรกในชีวิต
ส่วนตอนรีไฟแนนซ์ใช้ใบรับรองเงินเดือนจากบริษัท มติชน จำกัด ขณะเป็นผู้สื่อข่าวมติชนออนไลน์ นอกจากนั้นเราได้รับความช่วยเหลือจากพี่ๆ ที่กองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ ช่วยประสานการเคหะแห่งชาติระหว่างที่ต้องเผชิญปัญหาการทำงานของเจ้าหน้าที่บางคนซึ่งต่อมาเขาได้รับผิดชอบต่อความผิดพลาดของตัวเองแล้ว
ปีนี้ปิดบัญชีเงินกู้ ในปีที่ 3 ของการเป็นพนักงานบริษัท Voice TV จำกัด บริษัทของคุณโอ๊ค พานทองแท้ ชินวัตร
ความที่เป็นพนักงานบริษัท ทำให้การขอสินเชื่อเป็นไปได้ เพราะครอบครัวเราไม่มีหลักทรัพย์อะไรไปค้ำประกัน ถ้าเป็นฟรีแลนซ์ก็คงจะลำบากกว่านี้
ถือว่าได้รับโอกาสดีๆ จากทั้ง 3 บริษัทในแต่ละช่วงชีวิตการทำงาน
บ้านหลังนี้ แม่ตัดสินใจซื้อ(กู้ร่วมกับลูก) ด้วยวิสัยทัศน์ของแม่
แกติดตามข่าว แล้วก็นั่งมอเตอร์ไซต์กับน้าไปจองบ้านด้วยตัวเอง
ขณะที่โครงการประชานิยมแบบนี้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงมาตรฐานและอะไรต่างๆ นานา แต่แม่บอกว่า นี่เป็นทางที่เป็นไปได้ที่สุดที่เราจะมี 'บ้าน' เพราะฐานะอย่างเราจะไปซื้อราคาเป็นล้าน มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
ก่อนซื้อบ้านเอื้ออาทร แม่เคยใช้สิทธิโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ตั้งแต่เราเรียนมหาวิทยาลัย
กลับปราจีนไปหาแม่ที่โรงพยาบาลคราวนั้น จำได้ แม่บอกให้รีบกลับไปนับเงินที่แม่เก็บไว้ใต้ที่นอนในห้องเช่าห้องเล็กๆ (แม่ย้ายมาอยู่ห้องนี้ หลังจากพ่อตาย)
ตอนนั้นแม่ไม่เชื่อว่ารักษาไต ถึงขนาดต้อง ‘ผ่าตัด’ จะจ่ายด้วยเงิน 30 บาทได้จริงๆ
ก็เลยให้เรากลับไปนับธนบัตรและเหรียญว่าทั้งบ้านมีเงินอยู่เท่าไหร่
สุดท้าย หลังผ่าตัด จ่ายแค่ 30 บาทจริงๆ
นับแต่นั้นมาคงทำให้แม่เชื่อมั่นในนโยบายของรัฐบาลตระกูลชินวัตร ไม่ว่าจะถูกยุบไปกี่ครั้งและตั้งชื่อพรรคใหม่ว่าอะไรก็ตาม
ส่วนตัวเรานับแต่เรียนจบ ทำงานมา 11 ปี เป็นพนักงานมา 3 บริษัท ใช้เวลาประมาณ 9 ปีสำหรับการผ่อนบ้านหลังนี้ซึ่งมีเงินเก็บของแม่รวมอยู่ด้วย
ตอนแรกคิดว่าจะใช้เวลาผ่อน 30 ปีเต็มระยะเวลากู้
แต่ชีวิตก็ได้เดินมาอย่างที่คาดหมายได้บ้าง คาดหมายไม่ได้บ้าง
สิ่งดีๆ เกินคาดก็มีเยอะ จนถึงวันนี้ที่ทำอีกหนึ่งภารกิจได้สำเร็จ
ขอบพระคุณทุกท่านที่ได้ให้ความช่วยเหลือตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา”

เห็นหรือยัง ความต่างระหว่างผลงานรัฐบาลที่มาจากการสถาปนาตัวเองกับที่ประชาชนเลือกตั้งมานั้น มันมีบิดพริ้วให้เพลี่ยงพล้ำ ย่ำยีให้เสียหาย ทับถมให้แพ้พ่าย เป็นหนามยอกอกให้ต้องหาญต้าน เพื่อกลับไปหาชีวิตที่ดีกว่าเมื่อเก่าก่อนจนได้ในเร็ววัน