วันเสาร์, ธันวาคม 09, 2560

“ไม่น่ายกมือขึ้นมาเลย”... "บิ๊กป้อม" ยกมือโชว์นาฬิกาหรู ออกประตูไหนก็เหนื่อย!!





"บิ๊กป้อม" ยกมือโชว์นาฬิกาหรู ออกประตูไหนก็เหนื่อย!!



(ขยายปมร้อน) "บิ๊กป้อม" ผลพวงยกมือโชว์นาฬิกาหรู ออกประตูไหนก็เหนื่อย :


โดย อรรถยุทธ บุตรศรีภูมิ
คมชัดลึก


“ไม่น่ายกมือขึ้นมาเลย” นี่คงเป็นคำพูดที่อยู่ในใจ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เพราะผลจากการยกมือขึ้นบังแดดในครั้งนั้น ทำให้คนแอบเห็นสิ่งไม่ธรรมดาที่สวมใส่บนข้อมือของเขา รวมถึงแหวนเพชรเม็ดเป้งที่ปรากฏอยู่บนนิ้วอีกด้วย

“คนตาดี” ซึ่งน่าจะเป็นผู้ที่มีความรู้ด้านนาฬิกาเป็นอย่างดี เห็นว่า นาฬิกาเรือนนั้น ไม่ใช่นาฬิกาหรูธรรมดา แต่เป็นแบรนด์ไฮเอนด์ ของไฮเอนด์ ที่ชื่อ “ริชาร์ด มิลล์” ที่มีการระบุราคาว่าอยู่ประมาณ 3-4 ล้านบาท

แต่ที่ดูเหมือนจะไม่ธรรมดา และนำมาซึ่งปัญหาหนักอกให้ “บิ๊กป้อม” จะอยู่ที่เมื่อไปค้นดูแล้วกลับไม่พบนาฬิกาเรือนนี้ปรากฏอยู่บนบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ที่เขาต้องยื่นแสดงต่อ ป.ป.ช. เมื่อครั้งเข้าดำรงตำแหน่ง ทำให้นาทีนี้ถึงไม่มีผู้ร้อง ป.ป.ช. ก็ต้องก้นร้อนกระโดดเข้าสอบเอง เพราะมิเช่นนั้นอาจจะถูกข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ได้

และ ณ ที่นั้นหน้าที่การชี้แจงก็ตกอยู่ที่ “บิ๊กป้อม” เอาง่ายๆ ว่า ไม่ว่าออกทางไหนเขาก็เหนื่อยทั้งสิ้น เพราะออกทางไหนกฎหมายก็ดูเหมือนจะรัดไปเสียหมด

ประการแรกคือ การไม่ปรากฏรายชื่อนาฬิกาดังกล่าวอยู่ในบัญชีแสดงทรัพย์สินและหนี้สิน ทำให้เกิดคำถามว่า ณ เวลาที่แจงนั้นเขามีนาฬิกาเรือนนี้อยู่ในความครอบครองหรือไม่

หากมีอยู่ในความครอบครองตั้งแต่วันนั้น ก็น่าสงสัยว่าท่านอาจจะเข้าข่ายการ “จงใจ” ปกปิดบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน หรือแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จหรือไม่ ตาม กฎหมาย ป.ป.ช. มาตรา 32 33 34 และ 66

โดยมาตรา 34 ระบุว่า “เมื่อความปรากฏต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ว่าผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองผู้ใดจงใจไม่ยื่นแสดงบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภายในระยะเวลาที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้กำหนด หรือจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. เสนอเรื่องให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัยต่อไป และเมื่อศาลฯ วินิจฉัยชี้ขาดตามที่ ป.ป.ช. เสนอแล้วให้ผู้นั้นพ้นจากตำแหน่งในวันที่ศาลฯ วินิจฉัย และห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลา 5 ปี นับแต่วันที่ศาลฯ วินิจฉัยด้วย”

นอกจากโทษแบนทางการเมือง 5 ปีแล้ว ยังมีโทษจำคุกตามมาตรา 119 ของกฎหมายฉบับเดียวกัน ที่กำหนดไว้ 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ต่อมาหาก “บิ๊กป้อม” ยอมรับการมีอยู่ของนาฬิกาเรือนนี้ตั้งแต่ต้น และหวังจะรอดก็ต้องสู้ในประเด็นเรื่องการหลงลืม เพื่อให้ไม่กลายเป็นการ “จงใจ” ปกปิดทรัพย์สิน

แต่เอาเข้าจริงก็ยากพอสมควร เพราะแม้แต่ยานพาหนะราคา 100,000 บาท “บิ๊กป้อม” ยังแสดงและไม่ลืม แต่นี่นาฬิกาที่มีราคา 3-4 ล้าน มากกว่ารถคันนั้น 30-40 เท่า จะชี้แจงหรือแทงให้เป็นเรื่องลืมก็ดูจะขัดกับความเป็นจริงเกินไปเสียหน่อย

นอกจากนี้ถ้าหาก “บิ๊กป้อม” เลือกชี้แจงว่าเป็นของที่ได้มาภายหลัง ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เพราะเขาต้องชี้แจงที่มาของนาฬิกาเรือนนี้ให้ได้ว่า เอามาจากไหน

หากเป็นการซื้อมาก็ต้องชี้แจงว่าเอาเงินจากที่ไหนมาซื้อ ลำพังเงินเดือนรัฐมนตรีอย่างเดียวเพียงพอหรือไม่ เพราะเขาก็ไม่ได้ประกอบอาชีพอื่น ส่วนหากบอกว่ามาจากเงินลงทุน จากบัญชีที่แจ้งไว้ก็มีราว 7 ล้านบาท แปลว่าต้องงอกเงยมาถึงเกือบครึ่งหนึ่ง สุดท้ายแล้วถ้าพบว่าเป็นทรัพย์สินที่งอกออกมาโดยไม่มีอะไรลดลงไป หรือไม่สามารถชี้แจงที่มาของทรัพย์สินได้ เมื่อนั้นเขาก็จะต้องเผชิญกับข้อหา “ร่ำรวยผิดปกติ” ตามกฎหมาย ป.ป.ช. มาตรา 66

และใน มาตรา 80 กำหนดเรื่องการร่ำรวยผิดปกติ กำหนดให้ร้องให้ศาลสั่งให้ทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดิน

หรือหาก “บิ๊กป้อม” จะเลือกอีกทางโดยบอกว่าเป็นของคนอื่นให้มา ก็ยังไม่พ้นต้องรับผิดชอบตามกฎหมายอยู่ดี เพราะประกาศ ป.ป.ช. เรื่อง หลักเกณฑ์การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดโดยธรรมจรรยา ที่ออกตามกฎหมาย ป.ป.ช. มาตรา 103 กำหนดนั้น ระบุเรื่องการรับของขวัญไว้สามประการ 1.หากเป็นญาติให้ต้องเหมาะสมแก่ฐานานุรูป 2.หากเป็นผู้อื่นให้ต้องไม่เกิน 3,000 บาท และ 3.เป็นการให้ลักษณะแก่บุคคลทั่วไป

เอาเป็นว่าหากเป็นคนอื่นให้นาฬิกาเรือนนี้ก็เกินมูลค่าที่หนดไว้เป็นพันเท่า หรือหากเป็นญาติก็ต้องชี้แจงว่าเป็นญาติคนไหนที่รัก “บิ๊กป้อม” ขนาดนี้ เพราะลูกเมียก็ไม่มี และเหมาะสมแก่ฐานานุรูปหรือไม่ ส่วนเป็นการให้แก่บุคคลทั่วไปข้อนี้ก็ตัดทิ้งไปได้เลย เพราะคงไม่มีใครซื้อนาฬิกาเรือนละหลายล้านแจกคนทั่วไป

อย่างไรก็ตาม หากต้องรับ ประกาศ ป.ป.ช. ก็เปิดช่องให้แจ้งต่อผู้บังคับบัญชาของเจ้าตัว ซึ่งกรณีนี้ก็คือ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” วินิจฉัยว่าสมควรรับหรือไม่

หากวินิจฉัยไปแล้วว่าสมควรรับ งานนี้ก็จะต้องถาม “บิ๊กตู่” ว่าเหตุใดจึงวินิจฉัยเช่นนั้น แต่ถ้าผู้บังคับบัญชามีคำสั่งว่าไม่สมควรรับทรัพย์สินหรือประโยชน์ดังกล่าว ก็ให้คืนทรัพย์สินหรือประโยชน์นั้นแก่ผู้ให้โดยทันที ในกรณีที่ไม่สามารถคืนให้ได้ ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้นส่งมอบทรัพย์สินหรือประโยชน์ดังกล่าวให้เป็นสิทธิของหน่วยงานที่เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้นสังกัดโดยเร็ว

ซึ่งกรณีนี้ถ้ามีการฝ่าฝืนก็ต้องระวางโทษอาญาตามมาตรา 122 จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

น่าดูว่าครั้งนี้ผลการพิจารณาของ ป.ป.ช. จะออกมาอย่างไร ซึ่งผมเองไม่เชื่อว่า องค์กรอิสระอย่าง ป.ป.ช. จะช่วยเหลือผู้มีอำนาจในเรื่องแบบนี้ แม้ประธาน ป.ป.ช.จะเคยทำหน้าที่เป็นเลขานุการผู้ถูกสอบมาก่อน ตามที่หลายคนตั้งข้อครหา

แต่เรื่องนี้กฎหมายกำหนดมาชัดเจนและรัดกุม หาก ป.ป.ช.จะตัดสินให้ “บิ๊กป้อม” พ้นบ่วงครั้งนี้แบบใสๆ ก็ต้องมีคำอธิบายให้ได้ไม่ว่าจะเป็นทางกฎหมายหรือทางความน่าเชื่อถือ

---------

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

"นาฬิกาหรู-แหวนเพชรเม็ดเป้ง" บิ๊กป้อม ได้แต่ใดมา???
ส่อง "นาฬิกาหรู" บิ๊ก3ป. "ตู่-ป้อม-ป๊อก"แบรนด์ดังเพียบ!!!

"เรืองไกร" จี้ ป.ป.ช. ตรวจสอบ นาฬิกา-แหวนเพชร "บิ๊กป้อม"
"บิ๊กป้อม" ไม่ตอบปมนาฬิกาหรู อ้างขอชี้แจงกับ ป.ป.ช. เลย
ป.ป.ช. ขีดเส้น 30 วัน "บิ๊กป้อม" แจงที่มา"นาฬิกา-แหวนเพชร"

ooo



ooo

วิธีทำให้นายทหารชั้นผู้ใหญ่ใส่นาฬิการาคาปกติ